กระทรวงการคลัง ร่วมมือตำรวจ จับกุมขบวนทุจริตโครงการ “คนละครึ่ง”แล้ว 1 คดี มีผู้ต้องหา 4 คน และยังมีกลุ่มที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด อีกกว่า 700 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) และนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานกํากับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย ร่วมกันแถลงผลจับกุมขบวนการทุจริตโครงการ “คนละครึ่ง” มีผลดำเนินคดี 1 ราย ผู้ต้องหา 4 คน
จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เป็นแบบเจ้ามือ ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “สาวิตา รักชีพชอบ” โฆษณาชักชวนให้ประชาชนที่ร่วมโครงการฯ มาแลกรับเงินจากเจ้ามือ โดยไม่ต้องซื้อสินค้า ตรวจสอบพบธุรกรรมต้องสงสัย มีการสแกนใช้สิทธิ์กับร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ในเขต จ.สมุทรสาคร ซึ่งประชาชนหลายราย มีภูมิลำเนาและที่อยู่ปัจจุบัน ห่างไกลจากร้านค้าดังกล่าวมาก บางรายอยู่ จ.เชียงใหม่ , จ.สงขลา แต่กลับใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” กับแอพ “ถุงเงิน”ของร้านค้าดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ใน จ.สมุทรสาคร
ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ สศค. และธนาคารกรุงไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าขายของชำที่ ต.คอกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบ น.ส.สมปอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน และพบ นายสรัล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ25 ปี บุตรชายเจ้าของร้านดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบ 1. โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในระบบ G Wallet 5 เครื่อง 2. iPad 1 เครื่อง 3.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค 1 เครื่อง และ 4.บัญชีเงินฝากธนาคาร 6 เล่ม จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี
สอบปากคำ น.ส.สมปอง เจ้าของร้าน พบว่า การดำเนินการทั้งหมด นายสรัล บุตรชายเป็นผู้ดำเนินการ
โดย นายสรัลฯ ให้การยอมรับว่า ได้ตกลงร่วมมือกับผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “สาวิตา รักชีพชอบ” และใช้ไลน์ชื่อJeerapot ในการติดต่อ และเมื่อได้รับเงินจากรัฐบาล ได้โอนเงินคืนให้กับเจ้ามือ ผ่านบัญชีธนาคาร ชื่อ นายจีรพจน์ (ขอสงวนนามสกุล) โดยทางร้านค้า จะได้ผลประโยชน์ 30 บาทต่อราย
ส่วนผู้ใช้ไลน์ชื่อJeerapot ได้ 30บาทต่อราย ,คนที่มาขายสิทธิ จะได้เงิน รายละ 90 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่สอบปากคำประชาชนที่ใช้สิทธิ์ผ่านร้านค้าดังกล่าว 14 จุด ซึ่งกระจายอยู่ทั่ว ประเทศด้วย
จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวม พยานหลักฐานตลอดจนการวิเคราะห์เส้นทางการเงินในคดี ทำให้ทราบว่า เจ้ามือ หรือ ผู้ใช้งานเฟซบุ๊คชื่อ “สาวิตา รักชีพชอบ” ก็คือ นายจีรพจน์ และ นางกนกภรณ์ เป็นสามีภรรยากัน อยู่ใน จ.ลพบุรี
ต่อมาในวันที่ 17 ธันวาคม ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.สมปอง (ขอสงวนนามสกุล) ,นายสรัล (ขอสงวน นามสกุล) , นายจีรพจน์ (ขอสงวนนามสกุล) และ นางกนกภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(1) อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
น.ส.สมปองฯ ให้การปฏิเสธ ส่วนนายสรัลฯ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา , นายจีรพจน์ฯ ให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า ไม่รู้เรื่องมาก่อน ส่วนนางกนกภรณ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า ร่วมกับนายสรัลฯ ซึ่งนางกนกภรณ์ฯ จะเป็นคนหาลูกค้าประชาชนผ่านเฟซบุ๊ค “สาวิตา รักชีพชอบ”
จากนั้นจะนำข้อมูลมา ล็อคอินผ่านแอพฯเป๋าตังค์ สแกนใช้สิทธิ์ผ่านแอพฯถุงเงิน ร้านค้าของนายสรัลฯ โดยไม่มีการซื้อขายจริง
นอกจากนี้ ตรวจสอบพบด้วยว่า ยังมีกลุ่มที่อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะนี้ อีกกว่า 700 ราย ซึ่งอยู่ ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
กระทรวงการคลัง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชน แม้คดีฉ้อโกงฯ จะมีอัตราโทษไม่มาก จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ 5 ปี /ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือ 100,000 บาทก็ตาม แต่การกระทำความผิดในแต่ละครั้ง จะถือเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ
หากกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวซ้ำๆหลายครั้ง จะได้รับโทษในแต่ละครั้งในทุกๆครั้ง เมื่อรวมแล้ว อาจจะได้รับโทษจำคุก 10-20 ปี หรือมากกว่านั้น จึงขออย่าได้เข้าร่วมกระทำการทุจริตใน โครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายร้านค้า หรือ ประชาชน เพราะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสของผู้อื่น และขอความร่วมมือประชาชน อย่าหลงเชื่อการชักชวนให้กระทำผิดเงื่อนไขโครงการ เพราะทั้งร้านค้า และประชาชน จะถูกตัดสิทธิ์ และจะถูกดำเนินคดีทุกราย
หากพบพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ แจ้งเบาะแสได้ที่ halfhalf@fpo.go.th หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยระบุ รายละเอียดของการดำเนินการที่ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข และข้อมูลสำหรับการติดต่อกลับ พร้อมหลักฐาน (หากมี) หรือที่ ตร. ที่เว็บไซต์ ศูนย์ปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) http://pct.police.go.th/form.php