xs
xsm
sm
md
lg

"สารัชถ์ รัตนาวะดี "แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 63 สมัยที่ 2

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สารัชถ์ รัตนาวะดี” บิ๊กพลังงาน ยึดบัลลังก์แชมป์ เศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 เป็นปีที่ 2 ครองหุ้น GULF มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ด้าน “หมอเสริฐ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” อยู่อันดับ 2 ถือหุ้นบางกอกแอร์เวย์ส-โรงพยาบาลกรุงเทพ/นนทเวช รวมมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท /ขณะที่ภาพรวมความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 หดหายไปกว่า1.4 แสนล้านบาท จากพิษโควิด-19กระหน่ำตลาดหุ้น

ปีนี้เป็นปีที่ 27 แล้ว ที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2563

ผลจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ปรากฏว่า  เศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 115,290 ล้านบาท รวยลดลง 5,670 ล้านบาท หรือ 4.69% ซึ่งสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วน 35.44%

ย้อนไปเมื่อปี 2562 ที่สารัชถ์ได้ก้าวเข้ามาขึ้นเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีแรก ขณะนั้นมูลค่าของหุ้น GULFทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 160 บาท (ณ 30 กันยายน 2562 ราคาพาร์อยู่ที่ 5 บาท) เพิ่มขึ้นถึง 83.75 บาท หรือ109.84% จากราคาเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ 45.00 บาทต่อหุ้นเมื่อปี 2561 แต่มาในปีนี้หุ้น GULF ก็หนีไม่พ้นผลกระทบจากโดวิด-19 ที่ฉุดให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างหนัก โดยราคาหุ้น GULF ตกลงมาอยู่ที่30.50 บาท ลดลงไป 4.69% (ณ 30 กันยายน 2563 ราคาพาร์ปรับเป็น 1 บาท) ความมั่งคั่งของสารัชถ์ในปีนี้จึงลดลงไปกว่า 5,600 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ-นนทเวช และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส  โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 50,079.31 ล้านบาท  ซึ่งหุ้นที่หมอเสริฐถือครองทั้ง บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส  บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)  บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV)  และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) นั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ต้องหยุดชะงักไปจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็ราคาทรุดลงจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่หดหายไป ส่งผลให้ปีนี้หมอเสริฐรวยลดลง 16,031.33 ล้านบาท หรือ 24.25%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ ยังคงเป็นของ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 48,181.64 ล้านบาท ลดลง 431.68 ล้านบาท หรือ 0.89%  สำหรับพอร์ตการลงทุนของนิติในปีนี้ ประกอบด้วยหุ้นทั้งหมด 12 บริษัท โดยลงทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้วใน 10 บริษัท และมีหุ้นใหม่ในพอร์ตอีก 2 บริษัทที่ลงทุนเพิ่ม

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่  วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัททีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA ขยับมาอยู่ที่ 4 จากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK)และ บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) รวมมูลค่า 41,213.15 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 157.85 ล้านบาท หรือ 0.38%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี หลังจากก้าวเข้ามาติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 23เมื่อปีที่แล้ว รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 38,178.70 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 27,848.13 ล้านบาท หรือ 269.57%จากการนำ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ซึ่งเป็น Holding Company ที่ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ “ทีซีซี กรุ๊ป” ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม/การบริการ และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2562

นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (SEG)  ซึ่งเป็น Holding Company ของกลุ่มสิริวัฒนภักดี ลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย และลิสซิ่งอีกด้วย


เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 และอันดับ 7 ได้แก่ 2 เศรษฐีหุ้นเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6 จากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่า35,460 ล้านบาท ลดลง 5,580 ล้านบาท หรือ 13.60% ส่วน ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ขึ้นจากอันดับ 8 มาอยู่อันดับ7 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 35,277.91 ล้านบาท ลดลง 5,563.30 ล้านบาท หรือ 13.62%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 34,412.43 ล้านบาท ลดลง 7,671.82 ล้านบาท หรือ 18.23%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ขยับขึ้นเช่นเดียวกับเจ้าสัวเจริญ โดยขึ้น จากอันดับ23 เมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 28,728.70 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 18,398.13 ล้านบาท หรือ 178.09%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กลุ่มธุรกิจสัญชาติเยอรมันยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าแห่งธุรกิจพลังงาน, โรงไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องปรับอากาศ, คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ โดยขยับขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว จากการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 26,798.95 ล้านบาท ลดลง632.63 ล้านบาท หรือ 2.31%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทย ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวทรุดตัวลงอย่างหนัก ส่งผลมายังตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันที่ใช้คำนวณมูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1,237.04 จากปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 1,637.22 ลดลงถึง 400.18 จุด คิดเป็น 32.35 % ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2563 ลดลงถึง 140,796 ล้านบาท หรือ 7.09%

หากดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาฉุดรั้ง ความมั่งคั่งในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีหน้าคงฟื้นกลับมาได้อีกอย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น