xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกไทย ต.ค. ติดลบ 6.7% คงเป้าทั้งปี63 ลบ7%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส่งออกไทย ต.ค.63 ติดลบ 6.7 % ยอดรวม 10 เดือนปีนี้ ลบ 7.26% มั่นใจทั้งปี ติดลบตามเป้า - 7% หลายตลาดกลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายเดือน

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือ สนค.รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนตุลาคม 2563 อยู่ในภาวะฟื้นตัว ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนตุลาคม 2563 การส่งออก มีมูลค่า 19,376.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 6.71 % เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า มีมูลค่า 17,330.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 14.32 % การค้าเกินดุล 2,046.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2563 การส่งออก มีมูลค่า 192,372.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 7.26% ,การนำเข้า มีมูลค่า 169,702.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 14.61 % ส่งผลให้ 10 เดือนแรกของปี 2563 การค้าเกินดุล 22,670.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หลังจากประเทศต่าง ๆ ทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางและการขนส่ง ส่งผลให้ภาคการผลิตเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลก (Global Manufacturing PMI) ที่ปรับตัวดีขึ้นเหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังในหลายประเทศ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุปสงค์ต่อสินค้ากระเตื้องขึ้น สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการขยายตัวได้ดี สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะในตลาด สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ขณะเดียวกันหลายตลาดกลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายเดือน

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า สินค้าที่ขยายตัวได้ดี ยังเป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่เติบโตต่อเนื่อง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) สินค้าอาหาร เช่น น้ำมันปาล์ม อาหารสัตว์เลี้ยง สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง สิ่งปรุงรสอาหาร 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบไมโครเวฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และโซลาร์เซลล์ 3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น ถุงมือยาง ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาด ทำให้ความต้องการยางพาราในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อราคายางพาราของไทยในช่วงนี้

ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่หลายตลาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะอินเดีย เนเธอร์แลนด์ และเม็กซิโก รวมทั้งตลาดอื่น ๆ ที่มีสัดส่วนสำคัญกับการส่งออกไทย ล้วนมีอัตราการหดตัวที่ลดลงมากในเดือนนี้ เช่น ฮ่องกง เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ในขณะที่การค้าชายแดนของไทยโดยเฉพาะประเทศใน CLMV ยังคงได้รับผลกระทบจากการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัส

ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า การส่งออกของไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวที่ดี จึงมองภาพรวมการส่งออกไทย ทั้งปี 2563 ยังอยู่ที่ประมาณการเดิม คือ ติดลบ 7% หลายสินค้ามีศักยภาพในการขยายตัวแม้เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในหลายประเทศ นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้ทราบถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สถานการณ์การค้าโลกมีความผันผวนน้อยลง


สำหรับการส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2563 ทางกระทรวงพาณิชย์ มีมติร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.พาณิชย์) แบ่งเป็น 3 หมวด คือ การเร่งรัดการส่งออก การค้าชายแดน และยุทธศาสตร์การเจรจาข้อตกลงทางการค้าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงประเด็นย่อย เช่น การเร่งรัดการส่งออกข้าวที่เหลืออีก 3 แสนตันตาม MOU ที่ทำกับจีน การแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า การแก้ไขปัญหาต้นทุนค่าขนส่ง โดยเฉพาะค่าระวางเรือที่มีอัตราสูง รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าอาหารของไทยว่าปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด -19 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกของไทยปรับตัวดีขึ้น ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น