หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เรียกร้องทางการไทย ปรับเงื่อนไขการประกอบธุรกิจ ให้ผู้ประกอบต่างด้าว ถือหุ้นได้ 100% ภายใต้บัญชี 3 เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้าไทย ในช่วงโควิด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือกับ หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT : Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand ) นำโดยนายสแตนลีย์ คัง ประธาน JFCCT ว่า หอการค้าร่วมต่างประเทศ ต้องการให้ประเทศไทย ผ่อนปรนการเข้าประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้บัญชีแนบท้าย 3 บางรายการ ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยจะขอเข้ามาถือหุ้นเองได้ 100 % เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น ในช่วง 3 ปีนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้ามาไทยในช่วงโควิด ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ รับจะพิจารณาให้ ภายใต้ขั้นตอนกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ได้สอบถามฝ่ายไทย เกี่ยวกับการเข้ามาในประเทศไทยของชาวต่างชาติ ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวและเข้ามาลงทุน ในช่วงโควิด โดยเฉพาะประเด็นช่วงเวลากักตัว จะลดจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน หรือไม่ โดยภาคเอกชนต่างประเทศ อยากเห็นการกำหนดเงื่อนเวลาที่ชัดเจน
นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงกับ JFCCTว่า รัฐบาลไทย ต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งในเรื่องสุขภาพ กับ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ก็พยายาม จะผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ประมาท ซึ่งฝ่ายไทย เข้าใจในข้อกังวลของนักลงทุนต่างชาติ และขณะนี้ประเทศไทย มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ ผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ และ ไม่ต้องการให้ พ.ร.บ.การประกอบ ธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เป็นอุปสรรคกับการเข้ามาลงทุน จึงมีการทบทวนประเภทธุรกิจ ตามบัญชีท้าย พ.ร.บ. เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
สำหรับการประกอบธุรกิจของต่างด้าว ตามบัญชี 3 เป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมจะแข่งขันกับคนต่างด้าว โดยต่างด้าวจะประกอบธุรกิจได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดี โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เช่น ธุรกิจสีข้าว, การทำการประมง, การทำป่าไม้, การผลิตปูนขาว, บริการบัญชี, บริการกฎหมาย ,สถาปัตยกรรม ,วิศวกรรม