xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.,บีซีไอ หนุน กฟภ.รัฐวิสาหกิจรายแรก ออกL/Gผ่านบล็อกเชน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธปท., บีซีไอ สนับสนุน กฟภ. รัฐวิสาหกิจรายแรก เปิดใช้หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน (eLG on Blockchain) ช่วยลดเวลาดำเนินงานของ กฟภ. ลงได้ 3 เท่า และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าและคู่ค้า เป็นต้นแบบองค์กรภาครัฐ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนี้ มุ่งสู่การเป็น Digital Utility 
          

นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโนบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยี ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของภาคธนาคาร เพื่อสนับสนุนการทำงานของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดย “โครงการหนังสือค้าประกันอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Letter of Guarantee ” เป็น use case แรก ซึ่งถือเป็นระบบงานแรกที่นำบล็อกเชนมาใช้กับการจัดการหนังสือค้าประกัน 

โดยมีผู้เข้าร่วมใช้งานระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมให้บริการแล้ว 17 ราย ผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศและบริษัทในเครือกว่า 50 บริษัท และสำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะเป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกของประเทศไทยที่ผู้รับผลประโยชน์เป็นภาครัฐ

นอกจากนี้ จะยังมีผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นภาครัฐเข้าร่วมเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้ และขณะนี้โครงการนี้อยู่ระหว่างการทดสอบนวัตกรรมใน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการติดตามผลการทดสอบและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง 

ธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายส่งเสริมให้ภาคการเงินมีการพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิด และการกำหนดมาตรฐานที่สำคัญร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้งานแต่ละรายสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดร่วมกัน ก่อให้เกิดการแบ่งปันแนวคิดและองค์ความรู้ ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกัน รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน มีนวัตกรรมรองรับรูปแบบบริการที่หลากหลาย ก่อให้เกิดการเข้าถึงบริการทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างกว้างขวาง มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย 

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บีซีไอ เป็นผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนแก่ กฟภ. รัฐวิสาหกิจรายแรก ที่สามารถเชื่อมต่อบริการ eLG on Blockchain ได้ซึ่งช่วยให้ กฟภ. ลดเวลาการดำเนินงานได้กว่า 3 เท่า ลดต้นทุนองค์กรในส่วนของการจัดการเอกสารและจำนวนพนักงานที่ต้องจัดการงานด้านนี้เพื่อไปเพิ่มคุณค่างานด้านอื่น เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าและคู่ค้า ,เพิ่มความถูกต้องแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดหรือการปลอมแปลงเอกสาร 

ปัจจุบันบีซีไอมีผู้ใช้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 48 ราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 58 รายภายในสิ้นปี2563 

“หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน” เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้องค์กรมีการจัดการที่ดี และจะช่วยผลักดันให้ กฟภ.ก้าวสู่การเป็นองค์กร Digital Utility ได้ในอนาคต โดยปัจจุบันทั้ง กฟภ. และบีซีไอยังมีแผนความร่วมมือการพัฒนาเพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนกับงานหนังสือค้ำประกันให้กับหน่วยงานอื่นของ กฟภ. ด้วย เช่น PEA Fiber ทั้งนี้ บีซีไอวางเป้าหมายขยายการให้บริการไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มเป็น 200 รายภายในปี 2564  

บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าเพิ่มการใช้งานหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนเป็น 50% ของหนังสือค้ำประกันทั้งประเทศ ภายใน 3 ปี จากมูลค่าหนังสือค้ำประกันผ่านระบบสถาบันการเงินไทยทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 1.35 ล้านล้านบาท จำนวนมากกว่า 500,000 ฉบับต่อปี 

นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการ กฟภ. เปิดเผยว่า กฟภ.ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมารองรับการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ตลอดจนความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ,ลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้ด้วย

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนในครั้งนี้ กฟภ. เริ่มเปิดใช้บริการครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2563 ด้านการค้ำประกันการใช้ไฟฟ้า และถัดมา ด้านการค้ำประกันงานจัดซื้อจัดจ้างในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกของไทย และเป็นตัวแทนของหน่วยงานภาครัฐ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาบริการ eLG on Blockchain ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาครวมเศรษฐกิจของประเทศ

ด้านนายสิริวัฒน์ เกียรติเจริญสิน ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด  ย้ำว่า บริการ หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบบล็อกเชน (Letter of Guarantee on Blockchain)  จะช่วย กฟภ.ลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและการดูแลข้อมูล ตลอดจนลดขั้นตอนในการทำงาน ภายใต้ความปลอดภัยระดับโลก โดยเป็นการรับรองหนังสือค้ำประกัน ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งช่วยให้การใช้งานคล่องตัว ปลอดภัย เชื่อถือได้ ป้องกันการปลอมแปลงหนังสือค้ำประกัน รองรับการทำธุรกรรม และสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ สามารถตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% 

ขณะเดียวกัน บีซีไอ กำลังศึกษาการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปต่อยอดไปยัง use case อื่น เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมอื่นนอกจากภาคการเงินอีกด้วย เช่น ที่ได้ดำเนินการเปิดโครงการไปล่าสุดในวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา คือ โครงการหนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Confirmation on Blockchain) เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์  บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี และสถาบันทางการเงิน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาและลดเวลาในการดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันพบว่า ยังมีอุปสรรคในขั้นตอนการขอหนังสือรับรองทางการเงินที่ค่อนข้างใช้ระยะเวลาค่อนข้างมาก มีความหลากหลายของเอกสาร และข้อมูลไม่ครบถ้วน ต้องดำเนินการขอใหม่ และใช้ระยะเวลาเพิ่มเติมในการตรวจสอบบัญชี 


กำลังโหลดความคิดเห็น