xs
xsm
sm
md
lg

“ตาพยุง” สู้เพื่อหลานทั้งเจ็ด! บางวันไม่มีตังค์ให้หลานไป ร.ร.- 9 ชีวิตต้องกินข้าวต้มกับเกลือยังชีพ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ตาพยุง” ที่ จ.สระบุรี ผู้ที่แม้สังขารจะร่วงโรยตามกาลเวลา แต่ยังต้องทำงานหนัก เป็นเสาหลักดูแลหลานถึง 7 คน ซึ่งรายได้ของตา ไม่พอหล่อเลี้ยงครอบครัว ส่งผลให้บางวัน ทุกคนต้องกินข้าวต้มกับเกลือ เพื่อประทังชีวิต



คนเราต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนมีฐานะ ไม่ต้องดิ้นรน ก็อยู่ได้
แต่บางคนแม้ทำงานหนักทั้งชีวิต ก็ยังชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัว
“ตาพยุง มงคลสำโรง“ คือตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ต้องทำงานหนัก แม้จะอยู่ในวัยชราแล้ว
ด้วยความที่เป็นเสาหลักที่ต้องดูแลภรรยาคู่ชีวิต และหลานในวัยเรียนอีก 7 คน หากตาไม่ทำ
ยายและหลานทั้งเจ็ด ก็ไม่รู้จะเอาอะไรกิน ขนาดตายังทำงานได้
บางวันยังไม่มีตังค์ให้หลานติดตัวไปโรงเรียน และบางวัน
ทุกคนยังต้องกินข้าวต้มกับเกลือ ดูแล้วช่างน่าเวทนายิ่งนัก


ลูก 2 คน ทิ้งลูก 7 คน ให้ตา-ยายเลี้ยง!!

“ตามีลูก
4 คน คนแรกตาย คนที่สองไปทำงาน คนที่สาม
เขาทิ้งลูกไว้กับตา ก่อนไป เขาไม่ได้บอกตา
เขาบอกแต่ลูกเขา บอกแม่จะไปทำงาน เดี๋ยวอยู่กับตากับยายก่อน
เดี๋ยวแม่จะส่งเงินมาให้ เขาเคยมาเยี่ยมลูกเขาทีหนึ่ง พอหลังๆ มา ห่างไปเลย
แต่ก่อนนี้เขาส่งมาบ้าง 2-3 เดือนส่งมาทีหนึ่งให้ลูกเขา พอระยะหลังๆ มา ห่างส่ง



“ส่วนลูกคนที่สี่ ตอนนั้นเขาแยกออกไปทำฟาร์มวัว ตอนหลังแยกทางกับแฟน
แล้วขายวัว ขายอะไร ก็เลยเอาลูกทิ้งไว้กับตา ทิ้งรถไว้คันหนึ่ง คอกวัวก็ปล่อยร้าง
ก่อนไปเขาก็บอกว่าจะไปหาทำงาน เดี๋ยวส่งเงินมาให้พวกเด็กน้อย ตอนใหม่ๆ
เขาก็ส่งมาดี พอหลังๆ มา เขาก็ไม่ค่อยได้ส่ง”



หลายปีแล้วที่ลูกทั้ง 2 คน เอาหลานทั้งเจ็ดมาให้ตายายเลี้ยง
แม้ร่างกายจะอ่อนล้าลงทุกวัน
แต่ตาพยุงต้องเป็นกำลังหลักในการทำงานเพื่อเลี้ยงดูอีก 8 ชีวิตในบ้าน


รายได้หลักของตา มาจากการรีดนมวัวที่เลี้ยงไว้ 1 ตัว
เพื่อไปขายยังศูนย์รับซื้อนม ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร ได้วันละ 100 กว่าบาท
นอกจากนี้ยังรับจ้างส่งนมให้เพื่อนบ้าน ซึ่งได้ค่าจ้างเป็นเดือน ไม่ใช่รายวัน

“วัวที่เลี้ยงไว้
1 ตัว รีดนมได้วันละ 10 โล 12 โล โลละ 18 บาท”



ทุกวัน ตาพยุงจะรีดนมวัว 2 ครั้ง เช้า-บ่าย ช่วงเช้าหลังรีดนมวัว
ก็จะไปรับถังนมของเพื่อนบ้าน เพื่อไปขายยังศูนย์รับซื้อ โดยพาหลานๆ ไปโรงเรียนพร้อมกับถังนม
ส่วนตอนเย็น เมื่อรีดนมและรับถังนมของเพื่อนบ้านแล้ว ก็จะไปรับหลานๆ
ช่วงเวลาโรงเรียนเลิกพอดี ก่อนไปส่งนมต่อ

ขณะที่ยายบุญหลาย ทำงานหนักไม่ได้ เพราะหลายโรครุมเร้า
ทั้งความดัน-เบาหวาน-โรคเก๊าท์ เวลาเดินจะปวดขาปวดเข่า ต้องใช้ไม่ค้ำ
เพื่อไม่ให้ล้ม สิ่งที่ยายพอจะทำได้ก็คือ หุงข้าวให้หลานๆ กิน


ตาพยุง เสียใจ บางวันไม่มีตังค์ให้หลานติดตัวไปโรงเรียน!!

“บางครั้งหลานบอก
ตาไม่มี หนูก็ไม่เอาไปโรงเรียนหรอกตา หนูไม่กินก็ได้ ถ้าตามี ตาค่อยให้หนู ถึงไม่มี
ในหัวอกตายาย อยากให้เขามีตังค์ติดเนื้อติดตัวไปโรงเรียน 5 บาท 2 บาท 3 บาท
ก็ยังดี (ตาร้องไห้) บางครั้งผมไม่สบาย ตาไม่ต้องทำอะไร ถ้าตาไม่ทำ หนูจะกินอะไร
ยายก็ทำอะไรไม่ได้ บางทีมาร้องไห้คนเดียว คนข้างนอกไม่รู้หรอก น้ำใจของตาคนนี้
จะกินอะไร ต้องให้หลานกินก่อน ตากับยายจะนั่งดู หลานอิ่มแล้ว ตายายถึงจะกิน”



สุดรันทด!! วันไหนไม่มีตังค์ ทั้งตายายและหลานๆ ต้องกินข้าวต้มกับเกลือ

“ทุกทีถ้าเกิดข้าวสารหมด
ตอนที่เขายังไม่มาช่วย ก็ต้มข้าวต้มกินกับเกลือ นานๆ ที ตาจะซื้อหมูมาให้กิน
บางทีเขาก็เอาไข่เอาหมูมาให้ ยายก็ทอด บางทีก็ต้มกับข้าวต้มให้กิน (ถาม-ส่วนใหญ่อาหารที่หาเองและตาเอามาให้กิน
คืออะไร
?) น้ำพริกกับปลากระป๋อง (ถาม-แล้วหมูไก่จะได้กินช่วงไหน?)
บางทีไม่ได้ใช้หนี้ ตาก็ซื้อหมูซื้อไก่มาให้กิน แต่นานๆ ทีจะได้กิน”

น้องมล วิมลวรรณ มงคลสำโรง หลานคนรอง บอกเล่าถึงอาหารประจำบ้าน


น้องมลได้ใช้เวลาในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และปิดเทอม
ไปทำงานเสริมด้วยการรับจ้างขายลอดช่อง ที่ร้านขายของชำ
เพื่อช่วยเหลือครอบครัวอีกทาง

ขณะที่น้องเมย์ ลัดดาวรรณ หนูช่วย หลานคนโต
ยอมเสียสละถึงขั้นลาออกจากโรงเรียน เพื่อมาช่วยตายายทำงาน และดูแลน้องๆ
ยอมทิ้งอนาคตของตัวเอง เพื่อให้น้องๆ ได้มีอนาคต


ถ้าหนูเรียน ตากับยายก็ทำงานกันสองคน
(ถาม-ทำไมถึงคิดอย่างนั้น เราต้องออกจากโรงเรียน เหมือนตัดอนาคตเราเลยนะ
?)ขนาดน้องเรียน ตายังไม่มีตังค์ส่งเรียน
หนูเลยออกดีกว่า ออกมาช่วยแกทำงาน ให้น้องมีอนาคตดีกว่า เราอยู่อย่างนี้ดีกว่า



ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารที่อัตคัตขัดสน ทำให้ตายายและหลานทั้งเจ็ดต้องกินข้าวต้มกับเกลือ
แต่สภาพบ้านที่อยู่อาศัยก็ผุพังชำรุดทรุดโทรมเช่นกัน
ด้วยความรักที่ตามีต่อหลานและยาย จึงเสียสละให้ยายและหลานๆ นอนในบ้าน
ส่วนตาจะนอนที่เพิงพักนอกบ้านเอง!!


หลานๆ สงสารตา ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกตน อยากให้ตาอยู่กับหลานๆ
ไปนานๆ

หนูรักตามากที่สุด หนูไม่อยากเห็นแกร้องไห้
หนูไม่อยากเห็นแกเหนื่อย ตาให้ช่วยทำอะไร หนูทำหมด ขอบคุณตาที่เลี้ยงพวกหนูมา
อยู่กับพวกหนูไปนานๆ (ถาม-รักตา
?) รัก รักเหมือนพ่อ
น้องมล ลัดดาวรรณ หนูช่วย หลานคนโตของตาพยุง พูดพลางร้องไห้


ด้านยายบุญหลาย ภรรยาคู่ชีวิต ก็อยากให้ตาอยู่เป็นเสาหลักของหลานๆ
ไปนานๆ เช่นกัน

“ขอให้ยายตายก่อนเถอะ
อย่าให้ตาเป็นอะไรเลย อยากให้ลูกกลับมาดูลูกหน่อย ไม่รู้ยายจะอยู่ได้นานแค่ไหน อยากให้พ่อแม่เขามาช่วยตาอีกแรงดูลูก”



ขณะที่ตาพยุงพร้อมสู้เพื่อหลานทั้งเจ็ด ตราบลมหายใจสุดท้าย!!

“ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่
ถ้าเขารักการเรียน ผมจะสนับสนุนให้เขาเรียน
ให้มีความรู้หรือเขาจะได้ไปพัฒนาตัวเขาเมื่อเวลาเขาเติบใหญ่ (ถาม-ท้อบ้างไหมตา
?เห็นหน้าหลานมันกระตุ้นให้เรา
ต้องฮึดสู้ ไม่ใช่สู้เพื่อตัวอยู่รอดนะ สู้เพื่ออนาคตเขา อนาคตเขายังไกล”



แม้วันนี้ สุขภาพของตาพยุงจะยังดูเหมือนแข็งแรง
สามารถเป็นเสาหลักในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว 9 ชีวิตได้ แต่อนาคตไม่แน่นอน
สังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ไม่มีใครรู้ว่า ตาพยุงจะสู้เพื่อหลานๆ
ได้อีกนานแค่ไหน และหากวันใดไม่มีตา ยายบุญหลายและหลานๆ จะอยู่กันอย่างไร?


หลังจากรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ
ได้เผยแพร่และออกอากาศเรื่องราวของตาพยุงกับหลานทั้งเจ็ดไปแล้ว
ได้มีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือตาพยุงและครอบครัวมากพอสมควร หากท่านใดต้องการช่วยเหลือเพิ่มเติม
สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.
ชื่อบัญชี ขอรับเงินบริจาคช่วยเหลือนายพยุง มงคลสำโรง เลขบัญชี 020 186 839 616


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ตาพยุง...จะสู้เพื่อหลานทั้งเจ็ด”
https://www.youtube.com/watch?v=EaI4wgOv4uo&t=106s


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์NEWS1 ( IPM ช่อง64 / PSI ช่อง211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น