นายกฯ กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลม็อบ 14 ตุลาฯให้ดี เหมือนลูกหลาน แต่เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าก้าวล่วงสถาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ใช้เวลาหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจที่ทำเนียบรัฐบาล เดินสายด้วยตนเองเพื่อเรียนเชิญบุคคลสำคัญ อาทิ ทำเนียบองคมนตรี และอาคารรัฐสภา เพื่อร่วมในงานพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา ณ วัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ เวลา 17.00 น.
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภายหลังเข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า เป็นการมาเชิญไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพบิดา วันที่ 22 ตุลาคมนี้ และหารือขอคำแนะนำถึงการทำงานร่วมกันในสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล จะบังคับบัญชากวดขันเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบให้ดีที่สุด ตนขอยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งกับใคร โดยเฉพาะพรรคการเมือง เพราะถือว่า ส.ส. ทุกคนมาตามกลไกรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่ไปขัดแย้งกับท่าน ยืนยันว่าในการทำงานไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เว้นแต่ความขัดแย้งภายนอก จึงอยากฝากทุกคนว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ชุมนุม ว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้น และขอให้ทุกคนระมัดระวัง ดูแลลูกหลานให้ดี อะไรที่ไม่ถูกต้อง ถ้าขยายไปเรื่อย ๆ ก็จะบานปลายต่อไป ซึ่งรัฐบาลก็จะพยายามทำให้บ้านเมืองสงบ พร้อมย้ำว่าไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แต่ทั้งหมดก็จะต้องเคารพกฎหมาย เพราะถ้าฝ่ายบังคับใช้กฎหมายไม่ทำอะไร ก็จะผิดอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่จะทำงาน ตามแผนที่มีอยู่ ทั้งนี้ นายกฯ ยังเน้นด้วยว่า “ถ้าไม่อยากถูกดำเนินการทางกฎหมายก็อย่าทำผิด ทุกคนรู้กฎหมายทุกตัว แต่ก็พยายามฝืนจะทำ ก็ต้องไปดูว่าจุดมุ่งหมายของเขาคืออะไร"
เมื่อถามถึงการป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ตนได้กำชับตำรวจให้ดูแลทั้ง 2 ฝ่ายให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และเชื่อว่าถ้าการชุมนุมไม่มีการละเมิด หรือก้าวล่วง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร พร้อมมองว่าสิ่งที่เป็นข้อเสนอของผู้ชุมนุมประชาชนจะยอมได้หรือไม่ ถ้ายอมตามที่เสนอมาประเทศไทยคงอยู่ไม่ได้
ส่วนพื้นที่การชุมนุมที่เป็นเส้นทางเสด็จในวันที่ 14 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า มีแผนอยู่แล้วในการถวายการรักษาความปลอดภัย และมีประชาชนมาเข้าเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาใช้เวลาที่เป็นมงคล มีการเสด็จพระราชทานผ้าพระกฐิน มาเคลื่อนไหว ทำกรรมดีก็ได้กรรมดี ทำกรรมชั่วก็ได้กรรมชั่ว ช่วงนี้เป็นช่วงพระราชทานผ้าพระกฐิน เขาทำบุญกันทั้งประเทศ มาทำลายบรรยากาศ ทำลายการทำบุญกุศลได้อย่างไร ไม่ควรเลย ก็ดูถึงความควรไม่ควรก็แล้วกัน โต ๆ กันแล้ว
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่ได้มีการหารือกับนายชวน เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ ที่กำลังคุยกันอยู่ และเมื่อเปิดสมัยประชุมคงจะพิจารณากันอีกครั้งว่าจะรับหรือไม่รับร่างฉบับไหน จะตั้งหรือไม่ตั้ง ส.ส.ร. จะทำประชามติหรือไม่ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ขัดแย้งกับใคร "ผมจะเข้า ผมจะออก ผมจะไปไหนมาไหน อย่างที่เขาว่าเขาต้องการ จะเข้าจะออกด้วยอะไรล่ะ มันมีกฎหมายทุกตัว ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบในช่วงนี้ไป และไปดูรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่ยังไม่ออก ก็ต้องใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ไปก่อน ก็เหมือนเดิมไม่เกิดอะไรขึ้นมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่เข้ามาตั้งแต่ปี 57 ไม่ได้ต้องการเข้ามา แต่ต้องกลับไปดูว่ามีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น และเมื่อเข้ามาได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง จะบอกว่าจำกัดสิทธิ ทำร้ายคนอื่น ก็ไม่เคยไปทำร้ายใคร เพียงแต่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายได้ทำงาน ไปก้าวล่วงไม่ได้