กระทรวงการคลัง เสนอมาตรการล็อตใหม่ ให้ ศบศ. พิจารณาวันนี้(7ต.ค.) ในรูปแบบเดียวกับ “ชิมช้อปใช้” และ “ช้อปช่วยชาติ” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง บอกว่า ได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนให้ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 หรือ ศบศ. พิจารณา (7 ต.ค.) โดยจะมี 2 มาตรการ คล้ายที่เคยทำ คือ “ชิมช้อปใช้” และ “ช้อปช่วยชาติ” นำมาเปลี่ยนชื่อ ปรับรูปแบบมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี (ต.ค.-ธ.ค. 63) เน้นกลุ่มเป้าหมายไปยังคนที่มีกำลังซื้อ ,กลุ่มผู้เสียภาษีให้ออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
ปลัดกระทรวงการคลัง ยกตัวอย่าง “ชิมช้อปใช้”รอบนี้ อาจจะเป็นการให้ร่วมจ่าย(Co-Pay) ไม่ใช่รัฐให้เงินฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่ “ช้อปช่วยชาติ” อาจจะให้นำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ หรือ คืนเป็นเงินสด (Cash Back) ซึ่งผลที่จะออกมาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ให้แรงจูงใจจากมาตรการภาษี หรือ มาตรการทางการเงิน ส่วนวงเงินที่ใช้ หรือ อัตราลดหย่อนภาษี ต้องรอสรุปจาก ศบศ.อีกครั้ง
ทั้ง 2 มาตรการ หลังผ่านการพิจารณาของ ศบศ. และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จะดำเนินโครงการได้ทันที
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ระบุว่า โครงการ “ชิมช้อปใช้-ช้อปช่วยชาติ” ที่รัฐบาล จะนำกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ถือเป็นปัจจัยบวก ทำให้การบริโภคในประเทศคึกคักขึ้น และเมื่อรวมกับปัจจัยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปลายปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน ซึ่งจะช่วยพยุงจีดีพีทั้งปี ติดลบน้อยลง