ส.อ.ท. ผนึก 100 บริษัทเอกชน สนับสนุนมาตรฐาน การให้สินเชื่อการค้า (credit term) แก่คู่ค้า ภายใน 30 วัน เริ่ม 1 ตุลาคม 2563 ถึง31 ธันวาคม 2563 เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจ ,ลดความเหลื่อมล้ำอำนาจการต่อรองระหว่างเอสเอ็มอี และบริษัทขนาดใหญ่ หลังพบcredit term ปัจจุบัน ยืดออกไปมาก 60-120 วัน ทำให้เอสเอ็มอีขาดสภาพคล่อง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของทุกภาคส่วน หลายธุรกิจประสบปัญหายอดขายลดลงและขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากมีระยะเวลาในการรับชำระเงินจากการขายสินค้าช้ากว่าปกติ โดยภาครัฐกำลังพยายามผลักดันและกำหนดให้มีเกณฑ์มาตรฐานระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (ระยะเวลา credit term)
ส.อ.ท. ในฐานะองค์กรภาคเอกชนจึงเชิญบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่เป็นสมาชิกเข้าร่วมโครงการ F.T.I. Faster PAYMENT : ส.อ.ท.ช่วยเศรษฐกิจไทย โดยขอความร่วมมือให้ชำระหนี้ค่าสินค้าหรือบริการให้แก่คู่ค้าของบริษัทโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้ตรวจรับสินค้าหรือบริการครบถ้วนและได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้ว เป็นระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
โครงการนี้ เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของบริษัทเอกชนที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. โดยนำร่องจากคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. วาระปี 2563-2565 ซึ่งเป็นผู้บริหารมีทั้งบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่กว่า 100 บริษัท เช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหารด้านองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจของ SMEs ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินนั้น เครือซีพี ได้รับทราบและตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าว โดยได้ให้ความสำคัญ พร้อมให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มนี้ โดยมีการดำเนินการของแต่ละบริษัทในเครือซีพี ดังเช่น ซีพี เอฟ, ซีพี ออลล์, สยามแม็คโคร, บมจ. ทรูฯ อีกทั้ง เครือซีพียังพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนโครงการ F.T.I. Faster PAYMENT : ส.อ.ท.ช่วยเศรษฐกิจไทย ให้ประสบผลสำเร็จ เพราะเชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่การแก้ไขและบรรเทาปัญหาสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ต่อไป
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “จะใหญ่จะเล็ก เราช่วยกัน เพื่อฝ่าฝันCOVID-19และสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจไทย”
“นิยามใหม่ของ SME” ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2562 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 ดังนี้
วิสาหกิจรายย่อย (Micro) คือ กลุ่มที่มีรายได้ ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท มีการจ้างงานไม่เกิน 5 คน (หมายเหตุ: วิสาหกิจรายย่อยเป็นส่วนหนึ่งของวิสาหกิจขนาดย่อม)
วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) คือ กิจการในภาคการผลิตสินค้าที่มีจำนวนการจ้างงานไม่เกิน 50 คน หรือมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 100 ล้านบาท ส่วนกิจการในภาคการค้า (ค้าส่งหรือค้าปลีก) และภาคบริการ มีจำนวนการจ้างงานไม่เกิน 30 คน หรือมีรายได้ต่อปี ไม่เกิน 50 ล้านบาท
วิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) คือ กิจการในภาคการผลิตสินค้าที่มีจำนวนการจ้างงานเกิน 50-200 คน หรือมีรายได้ต่อปีเกินกว่า 100–500 ล้านบาท ส่วนกิจการในภาคการค้า (ค้าส่งหรือค้าปลีก) และภาคบริการ มีจำนวนการจ้างงานเกิน 30–100 คน หรือมีรายได้ต่อปีเกิน 50–300 ล้านบาท