xs
xsm
sm
md
lg

“อนุชา” หวังฝ่านค้านร่วม กมธ.พิจารณาร่างแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ “อนุชา นาคาศัย “หวังฝ่ายค้าน มาร่วม กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ย้ำ ประชาธิปไตยคือความเห็นต่าง ต้องฟังทุกเสียง

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ร่วมกับ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล ว่า เดี๋ยวต้องมาคุยกันอีกที เพราะตอนนี้การแก้รัฐธรรมนูญต้องเข้าสู่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ หลัง 30 วัน น่าจะได้อะไรที่ชัดเจน ทุกคนอยากเห็นประเทศเดินไปในทิศทางที่คาดหวังไว้ และประเด็นต่าง ๆ จะเข้าสู่การพูดคุยใน กมธ. ส่วนตัวเสียดายที่พรรคฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วม เพราะการที่มาช่วยกันระดมความคิดเห็น หาทางออกให้ประชาชน เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง

เมื่อถามว่า ในฝายของรัฐบาลจะมีแค่พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ค่อยคุยกันในชั้น กมธ. ในเมื่อเราตั้งขึ้นมาแล้วเราจะไปชี้นำใครไม่ได้ อีกทั้งมีเวทีที่จะให้พวกเราแสดงความคิดเห็น ตนอยากเห็นความร่วมมือกันระหว่างพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล การที่จะเชิญฝ่ายค้านมาร่วม เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยปิดกั้นและอยากจะเชิญให้มาร่วมด้วย

ถามถึง กมธ.พิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีฝ่ายค้านร่วมด้วย ผลที่ออกมาก็จะไม่ได้รับการยอมรับหรือไม่ โดยนายอนุชา กล่าวว่า “สิ่งนี้เราคาดการณ์ด้วยตัวเองหรือไม่” เพราะถ้ายังไม่ยอมรับ ต้องมีเหตุมีผลก่อน เพราะเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น เราต้องศึกษาด้วยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขอย่างไร อันไหนได้อันไหนไม่ได้ เพราะระบอบประชาธิปไตยต้องมีความเห็นต่าง ต้องเคารพเสียงของคนหมู่มาก เราไม่ได้ปกครองด้วยเสียงคนหมู่น้อยไม่มีประเทศไหนที่จะปกครองแบบนั้น แต่ทุกเสียงต้องมีการพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปที่ลงตัวให้กับประเทศ ไม่ใช่การเอาชนะจนลืมประเทศ ประเทศเป็นของคนทุกคน เสียงทุกเสียง ไม่ใช่เสียงใดจะมีอำนาจมากกว่าผู้อื่น ขณะที่ กลุ่มผู้ชุมนุม ต้องมีการพูดคุยจากหลายฝ่าย ไม่ใช่ทุกอย่างอยู่ที่ความเห็นของคนกลุ่มเดียว สังคมเรามีความเห็นต่าง เราต้องมามองว่าจะหาจุดใดเป็นจุดร่วมที่ปลอดภัย และเดินไปข้างหน้าได้

นายอนุชา ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของความเห็นต่างในพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเรื่องปกติ พรรคการเมืองทุกพรรค ที่จะมีความเห็นต่าง นี่คือธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องช่วยกันให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตของความขัดแย้งในเรื่องทางความคิดไปให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น