กรมการค้าภายใน ระบุมาตรการดูแลราคาสินค้าสุกรทั้งระบบ เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า มีข้อเรียกร้อง ให้รัฐ ปลดล็อคราคาสุกรหน้าฟาร์มให้เป็นไปตามกลไกตลาดเพื่อลดความเดือดร้อนของผู้เลี้ยงสุกร / กรมการค้าภายใน ขอชี้แจงว่า จากการที่ราคาสุกรมีชีวิตในประเทศ ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2563 จากกิโลกรัมละ 67 – 68 บาท เป็นกิโลกรัมละ 81 - 82 บาท ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2563 ส่งผลให้ราคาขายปลีกเนื้อสุกร ปรับขึ้นสูงกว่ากิโลกรัมละ 170 บาท กระทบต่อผู้บริโภค ที่ยังอยู่ในช่วงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด 19
ดังนั้น เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค กรมการค้าภายใน ได้เชิญ ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมสุกร คือ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ,ผู้ประกอบการโรงเชือดชำแหละ ,สมาคมตลาดสดไทย และ ห้างค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ ประชุมหลายครั้ง เพื่อหารือแนวทางบริหารจัดการอุปทานและราคาสุกรที่เหมาะสม เป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งไม่สร้างผลกระทบต่อโอกาสของสินค้าสุกรไทย ที่จะสามารถส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศได้
ทุกภาคส่วนข้างต้น เห็นพ้องร่วมกันในการกำหนดมาตรการสำหรับสินค้าสุกร โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรในทุกภูมิภาค ช่วยดูแลด้านปริมาณและราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไม่ให้กระทบผู้บริโภคในประเทศ ด้วยการตรึงราคาขายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ที่จำหน่ายในประเทศไม่เกินกิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 71.55 บาท เพื่อให้ราคาขายปลีกเนื้อสุกร อยู่ที่ไม่เกินกิโลกรัมละ 160 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ และไม่กระทบต่อผู้บริโภคมาก
ทางด้านโรงเชือดชำแหละ ก็ช่วยตรึงราคาขายส่งไว้เช่นกัน เพื่อให้ผู้ค้าปลายทาง ในตลาดสด และห้างสามารถขายปลีกเนื้อสุกร (สะโพกและไหล่) ที่กิโลกรัมละ 150 บาท และสันนอก กิโลกรัมละ 160 บาท
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมตลาดสดไทย ห้างค้าปลีกรายใหญ่ ได้จัดให้มีการขายเนื้อสุกรคุณภาพดี ในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ 130 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยด้วย
อธิบดีกรมการค้าภายใน ยืนยันว่า ข้อตกลงที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีเจตนาที่จะดูแลทั้งผู้เลี้ยงสุกรและประชาชน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ก็ได้ปรับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เกิดประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและประชาชนผู้บริโภค