สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดตั้ง “สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-ญี่ปุ่น” ตอกย้ำความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน เทคโนโลยี นวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย และเครือข่ายทางธุรกิจระหว่าง2ประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ยาวนานกว่า 130 ปี มีการพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มีการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากในประเทศไทยตลอดระยะกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเจริญของภาคอุตสาหกรรมและการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่าง ส.อ.ท. กับประเทศญี่ปุ่นและนักลงทุนญี่ปุ่น ได้พัฒนาในหลากหลายมิติ โดยในส่วนภาคเอกชนนั้น ได้มีการหารือกับสมาคมนักธุรกิจชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นทั้ง Japan Business Federation (Keidanren) และ Kansai Economic Federation (Kankeiren) เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ Kankeiren ได้จัดตั้งสำนักงาน Asia Business Creation Platform ที่กรุงเทพฯโดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่สภาอุตสาหกรรมฯด้วย
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ยังได้ร่วมมือกับ Japanese Chamber of Commerce (JCC) ในการนำเสนอข้อคิดเห็นและข้อกังวลต่างๆของนักธุรกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การพัฒนาอย่างต่อเนื่องระหว่าง 2 ประเทศ นำมาซึ่งการจัดตั้ง “สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-ญี่ปุ่น (Thai-Japanese Industrial Cooperation Institute :TJIC)” ขึ้น โดยแต่งตั้งให้นายจิระพันธ์ อุลปาทร เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่ในการส่งเสริมความร่วมมือและเป็นศูนย์กลางของ ส.อ.ท. ในการติดต่อประสานงาน ส่งเสริมการค้าการลงทุน แลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชนของญี่ปุ่น รวมทั้งผลักดันประเด็นต่างๆเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายจิระพันธ์ กล่าวว่า นักลงทุนญี่ปุ่น ยังเป็นหนึ่งในการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้มีการพบปะกับหน่วยงานและองค์กรจากประเทศญี่ปุ่นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอยู่ตลอดเวลา โดยมีการหารือถึงแนวทางในการส่งเสริมการลงทุน การค้า นวัตกรรม และเทคโนโลยี ร่วมกัน ปัจจุบันนับได้ว่าอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกระจายอยู่ในภาคการผลิตต่างๆมากมายหลากหลายสาขา เป็นซัพพลายเชนที่มีบทบาทสำคัญของการผลิตในประเทศและการส่งออก ทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยจำนวนสูงมาก
ส.อ.ท.เล็งเห็นถึงความจำเป็น ต้องจัดตั้งสถาบันเพื่อกำกับดูแลความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เพื่อสานต่อความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆของประเทศญี่ปุ่น โดยสถาบันนี้ มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เป็นช่องทางหารือระหว่างภาครัฐและเอกชนของทั้ง2ประเทศ และเป็นหนึ่งในกลไกยกระดับสู่ไทยแลนด์ 4.0 พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curve และ New S-Curve อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพ ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี