xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดคุณแม่! “แม่เกด-เกษณี” ยอมทิ้งงานรายได้สูงเพื่อลูก พัฒนาจากเด็กดาวน์เป็น “ศิลปินช่างทอผ้า”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “คุณแม่เกด-เกษณี” ผู้ที่ยอมลาออกงานที่มีตำแหน่งและรายได้สูง เพื่อดูแลฝึกฝน “น้องซัน” ลูกซึ่งเป็นเด็กพิเศษ จากภาวะดาวน์ซินโดรม จนลูกมีความสามารถหลายด้าน ถึงขั้นมีอาชีพและรายได้จากฝีมือตนเอง ในฐานะ “ช่างทอผ้า”



จะเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคุณพ่อคุณแม่ขนาดไหน ถ้ารู้ว่าลูกที่เกิดมาเป็นเด็กพิเศษ มีความบกพร่องหรือพัฒนาการช้าด้านร่างกายหรือสติปัญญา เช่นเดียวกับคุณแม่เกด เกษณี สกุลดิษฐ์ ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ลูกคนแรกที่เกิดมา จะเป็นเด็กพิเศษ มีภาวะดาวน์ซินโดรม


“ท้องตอน 35 แล้วมาคลอดตอน 36 ตั้งใจคาดความหวังไว้มากเลย เพราะเห็นหลานคือลูกของพี่ชายสามีออกมา น่ารัก เราก็อยากมีลูกบ้าง ...ตอนนั้นเราก็อายุ 35 36 ก็อยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้เสมอไป อย่างต่างประเทศเขาใช้เกณฑ์ที่ 38 และพี่สาวก็อยู่ตรงนี้พอดี เป็นหมอเกี่ยวกับการเช็ค ct scan เขาก็เช็คและมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา จากที่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ก็เปลี่ยนเป็นวัดกระดูกคอของเด็ก เพราะเด็กที่เป็นดาวน์ฯ กระดูกคอจะสั้น ถ้าเราสังเกตเห็นที่โตๆ คอเด็กจะสั้น ก็ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้มา เพราะการเจาะน้ำคร่ำมีความเสี่ยงด้วย อาจกระทบกระเทือนเด็กได้ เลยตื่นเต้น มีวิธีใหม่มา ก็ตรวจ ตรวจผ่านพ้นทุกอย่าง ไม่มีอะไร”


ช็อก...เสียใจ ลูกเป็นดาวน์ซินโดรม!!

“ออกมาเจออย่างนี้ ก็ช็อกเลย เสียใจมาก เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังเอาไว้ ที่เสียใจนี่ แน่นอนไม่ได้สิ่งที่คาด อย่างที่เราคิดว่าลูกเราจะปกติ อีกข้อหนึ่งที่แม่เสียใจมากๆ คือเราทำให้เขาไม่เหมือนคนอื่น แล้วอนาคตเขาจะอยู่ได้ยังไง ตอนนั้นคิดว่า เราทำให้เขาเกิดมาไม่เหมือนปกติ ไม่เหมือนคนอื่นๆ”


หลังเสียใจพักใหญ่ คุณแม่เกดเริ่มคิดได้ หลังสามีพูดให้แง่คิด

“พ่อ (สามี) ได้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งในวันพ่อ ...พ่อพูดว่า ถ้าเราเองยังมองลูกเราไม่ปกติ คนทั้งโลกก็จะมองลูกเราไม่ปกติด้วย คือถ้าเราไม่เปิดใจรับลูกเราเอง ซึ่งตรงนั้นช่วยมากเลย คลิกเลย จากนั้นมา ไม่มีคำว่าเสียใจอีกเลย แรกๆ ทุกคนคาดหวังว่า ลูกเราต้องสมบูรณ์ เราปกติ บางคนถึงขนาดไม่กล้าพาลูกไปข้างนอก อย่างเราเมื่อสมัยนั้น โดยเฉพาะสมัยนั้น จะเก็บลูกไว้ เออเนอะ เราอายใช่มั้ย ที่เราไม่กล้าพาลูกเราหรือบอกคนอื่นว่าลูกเราเป็นอะไรยังไง ไม่เหมือนคนอื่น แต่พอประโยคที่พ่อพูดนั้นเอง พอเราคลิกปุ๊บ กิจกรรมทุกอย่าง เราทำลูกเราเหมือนปกติมาก แต่งตัวพาไปไหนๆ ทำกิจกรรมทุกอย่าง ไปเที่ยวสวนสนุก ไปทุกอย่าง ไปเที่ยวต่างประเทศไปหมด อะไรก็ได้ที่เราคิดว่าลูกจะได้เรียนรู้ จากสิ่งที่เขาได้มีประสบการณ์ จะพาเขาไปหมด ขี้ข้างตั้งแต่เล็กๆ ก็ขี่มาแล้วอะไรอย่างนี้”


ขณะเดียวกัน คุณแม่เกดพยายามหาความรู้ทุกทาง ด้วยการกว้านซื้อหนังสือเกี่ยวกับเด็กดาวน์ฯ มาอ่าน เพื่อให้สามารถพัฒนาลูกได้ทั้งด้านร่างกายและสมอง ทำให้ “น้องซัน” ไกรลาศ สกุลดิษฐ์ มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเริ่มเข้าเรียน ได้ฝึกพูด และทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งหลายกิจกรรมช่วยในเรื่องสมาธิให้กับเด็ก ขณะที่น้องซันเริ่มฉายแววชอบดนตรีและทอผ้า


เมื่อน้องซันใกล้เรียนจบ ม.6 คุณแม่เกดเริ่มกังวลอนาคตของลูก

“น้องมีอาการเป็นดาวน์ซินโดรม คิดว่าถ้าเขาจบ ม.6 แล้ว น่าจะหาที่เรียนต่อยาก ก็เลยคุยกับลูกว่า ถ้าจะต้องหาอะไรที่เราทำได้ทุกวันเป็นอาชีพ ตอนแรกใช้คำว่า อาชีพ เขาก็ยังไม่เข้าใจ ต้องทำทุกวัน คิดว่าซันทำอะไรได้ดี ชอบอะไร เขาก็บอกเลยว่า เล่นเปียโน ถ้าเล่นทุกวันและเป็นอาชีพด้วย มันอาจจะยากไปไหม ลองอีกอย่างหนึ่ง มีทางเลือกไหม เขาเลยบอกว่า ทอผ้า”


ในที่สุด คุณแม่เกดเห็นด้วยกับอาชีพทอผ้า เพราะมองว่าคู่แข่งในตลาดยังมีน้อย จึงตัดสินใจต่อเติมหน้าบ้านเป็นสตูดิโอ เพื่อให้ลูกทำงาน พร้อมพิมพ์นามบัตรในฐานะช่างทอให้ลูก สร้างความตื่นเต้นดีใจให้น้องซันเป็นอันมาก


การที่คุณแม่คนหนึ่งอยากให้ลูก ซึ่งเป็นเด็กพิเศษได้มีอนาคต และมีอาชีพของตนเอง จึงต้องทุ่มเททุกอย่าง รวมทั้งตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อไปฝึกทอผ้าพร้อมลูก ยามใดที่ลูกมีปัญหาในอนาคต แม่จะได้ช่วยแก้ปัญหาได้


“เงิน” ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้ลูกมีความสุข!

“ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจลาออกจากงาน คิดหลายตลบ ก็เสียดาย เพราะอยู่ในตำแหน่งและเงินเดือนที่ค่อนข้างสูง ก็เสียดายอยู่แล้ว แต่คิดว่า เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้ลูกเรามีความสุข เราคิดว่าเราต้องพยายามให้ลูกดึงศักยภาพตัวเองออกมาให้ได้ คือเขาต้องมีคุณค่า มีคุณภาพให้ได้ เราตั้งใจเลี้ยงลูกเราให้มีความสุขและให้เขาได้อยู่กับสังคมได้ อยู่ในสังคมได้ เราตั้งใจตั้งแต่เขาเล็กๆ ที่เราทุ่มทุนฝึกทุกอย่างให้เขาเรียนรู้หลายอย่าง เลยคิดว่า ยังไงก็ไม่เสียใจเลยที่ลาออกจากงาน”


เมื่อน้องซันเรียนจบ ม.6 ได้เริ่มงานทอผ้าที่สตูดิโอที่คุณแม่เกดต่อเติมให้ทันที สตูดิโอที่ใช้ชื่อว่า “บ้านซันทอสนุก SUNFUN WEAVING Creative Weaving & Hobby studio” ซึ่งนับถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว น้องซันยังคงสนุกกับการทอผ้าสวยหลากสีสัน ซึ่งมีการตัดเย็บเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เช่น เป็นเสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ กระเป๋า ผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองจาน ฯลฯ


ลูกค้าทึ่ง เด็กดาวน์ ทอผ้าได้ขนาดนี้เลยหรือ?

“ส่วนมากคนชื่นชม เขาบอกว่าสไตล์ชัดเจน เรื่องสีสัน แต่เราก็ปรับให้มีหลายรูปแบบด้วย มีสีขรึม สีคลาสสิคบ้าง สำหรับผู้ชายก็โทนสีเข้มๆ หน่อย และพัฒนาเพิ่มจากทอผ้า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เราก็เริ่มมีสินค้าที่เป็นแฟชั่นขึ้นมา ฟีดแบคค่อนข้างจะดี คนก็งง นี่ผ้าทอมือเหรอ น้องซันทอได้ขนาดนี้เหรอ ละเอียดนะ คนก็เริ่มชอบ บอกต่อกันมา”


ขณะที่ “โซน” น้องชายของซัน ซึ่งเป็นเด็กปกติ ยังอดทึ่งฝีมือพี่ชายไม่ได้

“รู้สึกภูมิใจและชื่นชมในตัวพี่ซันที่สามารถทำออกมาได้ เพราะการที่คนๆ หนึ่งจะสร้างผลงานของตัวเองออกมา และมีคนชอบมีคนติดตาม ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ตัวโซนเองถ้าสามารถทำอะไรอย่างนี้ได้ ก็อยากทำได้เหมือนกัน แต่ยังทำไม่ได้”


แม้น้องโซนจะทอผ้าเหมือนพี่ชายไม่ได้ แต่สิ่งที่ช่วยพี่ชายได้ก็คือ การช่วยเป็นนายแบบเสื้อผ้าให้ รวมถึงช่วยขนของและติดตั้งอุปกรณ์เวลาได้รับเชิญไปออกบูธผ้าทอตามที่ต่างๆ ซึ่งอาจเกินกำลังพี่ชายและคุณแม่

สำหรับน้องซัน วันนี้กับวัย 24 ปี ไม่เพียงมีฝีมือด้านทอผ้าจนสามารถทำเป็นอาชีพและมีรายได้ แต่น้องยังมีความสามารถอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะด้านดนตรี โดยเฉพาะเล่นเปียโน, ทำอาหาร, ถ่ายรูป, ออกกำลังกาย, การใช้โปรแกรมฝึกภาษาต่างประเทศและการสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ฯลฯ


“น้องซัน” ต้องเช็คสุขภาพทุก 4 เดือน

“สุขภาพน้องตอนนี้มีนิดหน่อยเรื่องไขข้อ กรดยูริก เรื่องข้อต่อ แค่กรดยูริกสูง หมอให้ยากินควบคุม ตอนเล็กๆ มีผ่าตัดหัวใจ ก็ผ่านไปแล้ว มีต้อกระจก ก็ทำไปแล้ว มีเรื่องไทรอยด์ ก็ไม่มีแล้ว จะเป็นไฮโปฯ ไม่ใช่ไฮเปอร์ฯ ต่ำ เราจะเห็นว่าเด็กที่เป็นดาวน์ฯ จะท้วมๆ จะช้า ไม่ค่อยแอคทีฟ แต่คนนี้แอ็คทีฟ ตอนนี้สุขภาพน้องยังไม่มีอะไรน่ากังวล แต่เรามีนัดตรวจทุก 4 เดือนครั้งเพื่อเช็คสุขภาพ"


คุณแม่เกดไม่เพียงทุ่มเทอุทิศตนจนน้องซัน สามารถพัฒนาจากเด็กดาวน์ มาเป็นช่างทอผ้า มีอาชีพและมีรายได้ แต่คุณแม่ยังสอนทักษะการใช้ชีวิต เพื่อให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นที่รักของคนรอบข้างอีกด้วย


“ส่วนมากเวลาเราเห็นเด็กพิเศษทั่วๆ ไป หรือเราเห็นสายตาคนอื่นมองเด็กพิเศษว่า เป็นตัวประหลาด ฉะนั้นสิ่งที่แม่สอนคือ เขาต้องรู้จักกาลเทศะ การพูดจาก็ต้องสุภาพอ่อนน้อม ซึ่งเขาก็เป็นตั้งแต่เด็กจนโต พอใครเจอก็เอ็นดู จะอยากคุยด้วย จะไม่ได้รู้สึกว่า น่ารังเกียจ เขาไม่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด เราจะสอนเรื่องพวกนี้ บางครั้งเขาก็ไม่เท่าเราในวิจารณญาณ ว่าอะไรถูกหรือผิด เราก็ต้องสอนเรื่องพวกนั้น”


ขณะที่ “น้องซัน” เผยความรู้สึกที่มีต่อแม่ว่า “เวลาอยู่กับแม่ มีความสุขมาก อยากให้แม่มีความสุขนานๆ รักแม่รักพ่อที่สุดในโลกเลยครับ”


นอกจากภาคภูมิใจและดีใจที่ได้เห็นลูกมีความสุขแล้ว คุณแม่เกดยังวาดหวังด้วยว่า สักวันจะได้เห็นผ้าทอจากฝีมือของน้องซันอวดโฉมอยู่บนแคทวอล์ก หากวันนั้นมาถึง คงน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ที่เด็กพิเศษคนหนึ่งซึ่งเป็นช่างทอผ้า สามารถมีแบรนด์ของตนเอง และจัดแฟชั่นโชว์ได้


หากท่านใดสนใจอุดหนุนผ้าทอจากฝีมือน้องซัน หรือต้องการให้กำลังใจน้อง เข้าไปได้ที่เพจเฟซบุ๊ก SunFunWeaving


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )


หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น