xs
xsm
sm
md
lg

DITPปรับแผนการค้าระหว่างปท.รับยุค“รวมไทยสร้างชาติ”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปรับแผนงาน รองรับยุค “รวมไทยสร้างชาติ” ปรับบทบาท ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เป็นเซลส์แมน เจาะตลาดส่งออก ตั้งเป้าผลักดันไทย ท็อป 5 ของเอเชีย ด้านการค้าระหว่างประเทศภายในปี 2570

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า ได้ปรับแนวทางการทำงานของ กรมฯ รองรับยุค "รวมไทยสร้างชาติ" เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจการค้าโลกชะลอตัว เกิดการเปลี่ยนบริบทการค้า พฤติกรรมผู้บริโภคไปจากเดิม จึงต้องปรับแผนงาน และกลยุทธ์ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ดำเนินไปได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ โดยมีเป้าหมายจะผลักดันให้ ไทยเป็น Top 5 ของเอเชียในด้านการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการไปสู่เป้าหมายนี้ ต้องเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ได้อย่างน้อยปีละ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 ล้านดอลลาร์ฯ

สำหรับแนวทางส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยุคใหม่ ครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ,การผลักดันการส่งออกเป็นรายตลาด ,รายสินค้าและบริการ โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทย เป็นแคมเปญใหญ่ทั่วโลก เน้นเรื่องความเชื่อมั่น ความปลอดภัย ส่วนในด้านการค้า จะปรับกิจกรรมที่เคยอยู่ในรูปแบบออฟไลน์ ให้เข้าสู่รูปแบบออนไลน์มากขึ้น หรือ กิจกรรมไฮบริด ที่รวมกิจกรรมหลัก ทั้งงานแสดงสินค้า ,การเจรจาจับคู่ธุรกิจ

นอกจากนี้ จะปรับบทบาทของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือ ทูตพาณิชย์ที่มีอยู่ 58 แห่งทั่วโลก ให้ทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนของประเทศ โดยทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ทั้งเร่งหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ,หาพันธมิตรทางการค้า ,พัฒนาข้อมูลการค้าให้ทันการณ์ และหาช่องทางขยายตลาดเชิงลึก เพื่อเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทย

ด้านนางสาวประจงพร ตันมณี ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร กล่าวว่า ประเทศไทย ต้องใช้โอกาสนี้ ส่งเสริมภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นประเทศไทย ให้กว้างขวางขึ้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงเร่งส่งเสริมแคมเปญ เชื่อมั่นประเทศไทย หรือ Trust Thailand โดยมีกระบวนการต่างๆ คือ
T : Target เจาะกลุ่มเป้าหมายให้สอดคล้องกับยุควิถีใหม่
R : Responsiveness วิเคราะห์ ประเมินผล ประมวลสถานการณ์ปัจจุบัน และนำมาประยุกต์ใช้
U : Unity ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยกรมจะร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์และต่างกระทรวง เพื่อให้เผยแพร่ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นออกไปในทิศทางเดียวกัน
S : Staffการพัฒนาทีมงานส่วนกลาง และสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั่วโลก 58 แห่ง และส่วนสำคัญคือพัฒนาผู้ประกอบการให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าของตนเอง
และ T : Technology การนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่น ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ

ด้านนางสาวณัฐิยา สุจินดา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้ปรับรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้าจากปกติเป็น Virtual Trade Show เพื่อทดแทนการจัดงานแสดงสินค้าที่ไม่สามารถจัดได้หรือจัดได้ไม่เต็มที่ โดยได้จัดไปแล้ว ได้แก่ งาน งาน M.O.V.E. งานแสดงสินค้าเพื่อการเจรจาการค้า digital content ออนไลน์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และกำลังจะจัดงาน Thaifex-Anuga Asia 2020: The Hybrid Edition วันที่ 22-26 ก.ย.2563 โดยผู้ซื้อสามารถเข้าไปเดินดูคูหา 3D ได้เสมือนจริง และสามารถคลิกเข้าไปชม VDO แคตตาล็อกสินค้า รวมทั้งภาพสินค้าที่หมุนได้ 360 องศา สามารถติดต่อกับผู้ส่งออกไทยได้โดยตรงด้วยใช้ การ chat , teleconference เพื่อโชว์สินค้าผ่านจอ หรือฝากข้อความให้ติดต่อกลับ และยังมีการจัดนัดหมาย Online Business Matching และโปรแกรมเจรจาการค้าอื่นๆ ด้วย

นายประคัลร์ กอดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศ ยังไม่สามารถทำได้ กรมฯ จึงได้จัดกิจกรรมในรูปแบบ Mirror Mirror โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ สู่รูปแบบใหม่โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทาง แต่จะส่งสินค้าตัวอย่างไปล่วงหน้า และจัดการเจรจาการค้าออนไลน์ ทำให้การเจรจาการค้ายังทำได้ ไม่มีการสะดุด โดยกำลังจะจัดกับจีนวันที่ 5-10 พ.ย.2563 ในงาน China International Import Expo ซึ่งกรมฯ จะเข้าร่วมในสามส่วน ได้แก่ 1) Country Pavillion 2) อาหารจำนวน 40 บูธ 3) Consumer Product 40 บูธ โดยส่งสินค้าตัวอย่างล่วงหน้าเพื่อนำเสนอในงาน และจัดการเจรจาการค้าให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ในประเทศไทย

ในส่วนของการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) กล่าวว่า ได้จัดทำ NEA Care ที่มีเป้าหมายในการสร้างความเข้าใจ และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคหลังโควิด-19 ด้วยแนวทาง “NEA Care รักแท้ แชร์ความรู้” ที่ประกอบไปด้วย 5 กลยุทธ์หลัก พร้อมด้วย Flagship Projects ที่สำคัญ คือ

1. เข้าถึง ใส่ใจ ทุกภูมิภาค ด้วยโครงการ Gen-Z to be CEO ที่มีแนวทางในการให้ความรู้แก่นักศึกษาเพื่อหนทางสู่การเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะให้ความรู้แก่นักศึกษาทั้งหมด 12,000 รายทั่วประเทศในปี 2564

2. สร้างโอกาสในทุกระดับ ด้วยโครงการ NEA Reborn ที่จะสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่สายอาชีพ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การค้าในยุค New Normal โดยเฉพาะพนักงานในสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นองค์กรที่จะมีความร่วมมือกับ NEA ในอนาคต

3. สร้างคุณภาพที่แตกต่าง ประกอบด้วย 1) โครงการ Smart Content ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านหลักสูตรการสร้างดิจิทัล
แคตตาล็อก การทำกราฟิก วิดิโอคลิป และการไลฟ์นำเสนอสินค้า 2) โครงการ Train the Creators ที่มุ่งมั่นยกระดับให้เป็นการสร้างนักปั้นผู้รอบรู้ทางการค้า และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อไปได้ โดยจะร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัดทั้ง 77 แห่ง

4. เต็มที่เรื่อง Technology & Innovation ประกอบด้วย 1) โครงการ The Guruด้วยหลักสูตร e-learning รูปแบบใหม่โดยคนรุ่นใหม่ ที่เข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และส่งเสริมแนวคิดการเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุด 2) หลักสูตร NEA x Huawei ที่เกิดจากการบูรณาการร่วมกับ Huawei เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้วยเป้าหมายในการสร้างให้เป็นผู้รอบรู้ทางการค้า

และ 5. สนุกในทุกห้องเรียน ด้วยการเรียนรู้รูปแบบใหม่ จากโครงการตรวจสุขภาพคู่ค้า เสริมคาถาธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริงจากผู้รอบรู้ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และ ความเหมาะสมกับธุรกิจ โดยมีกิมมิคคือการตรวจดูโหงวเฮ้งทางธุรกิจ






กำลังโหลดความคิดเห็น