สภาพัฒน์ รายงานจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ ติดลบ 12.2 % และลดเป้าจีดีพีไทยทั้งปีนี้อีกครั้ง เหลือ ติดลบ 7.8 % ถึง ลบ 7.3 % จากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ห่วงสถานการณ์การเมือง ปัจจัยลบเพิ่มซ้ำเติมการฟื้นตัว
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาส 2 ปี 2563 ติดลบ 12.2% ชะลอตัวจากไตรมาสแรก ที่ติดลบ 1.8% ส่วนจีดีพีครึ่งปีแรก ติดลบ 6.9%
ขณะเดียวกัน สภาพัฒน์ ได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีไทยทั้งปี 2563 อีกครั้ง เหลือ ติดลบ 7.8 % ถึง ลบ 7.3 % จากเดิมคาดไว้ที่ ลบ 6 % ถึง ลบ 5% โดยมีค่ากลางที่ ลบ 7.5% ภายใต้สมมุติฐานไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบสอง
นาย ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบชัดเจน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องล็อคดาวน์ ,ระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ในช่วงไตรมาส2 มีผู้ว่างงาน 7.5 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.95% สูงสุดในรอบ 11 ปี นับแต่ไตรมาส 2 ปี 2552
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบ จากความถดถอยรุนแรงของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ทำให้การส่งออกไทยทั้งปีนี้ จะติดลบมากขึ้น จากเดิม ลบ8% เป็น ลบ 10% รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากต่างชาติ ที่ลดลงมาก จากการระบาดของโควิด-19ทั่วโลก ขณะเดียวกัน ต้องเกาะติดสถานการณ์การเมืองในประเทศ จะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติม ที่จะกระทบการฟื้นตัว
สภาพัฒน์ เสนอแนะการบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ต้องเร่งรัดมาตรการที่ออกไปแล้ว ที่ใช้เงินกู้ฟื้นฟู วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ต้องดูแลบางภาคอุตสาหกรรมไม่ให้ปัญหาหนี้เสีย ลุกลามไปกระทบสถาบันการเงิน
ต้องดูแลสาขาเศรษฐกิจที่มีปัญหาการฟื้นตัว คือ ภาคการท่องเที่ยวและบริการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการฟื้นฟูผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่ง สภาพัฒน์ จะหารือกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล เพื่อสรุปมาตรการ เสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค.เศรษฐกิจ ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมนัดแรก ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
