xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ร่วมมือรัฐบาลอังกฤษ หนุนบริการทางการเงิน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหราชอาณาจักรและธนาคารแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับความร่วมมือด้านบริการทางการเงิน (Financial Services) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง และ “การเติบโตสีเขียว” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ตามเป้าหมายการพัฒนายั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs)

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรและธนาคารแห่งประเทศไทย จะร่วมกันยกระดับมาตรฐานการบัญชี , เสริมสร้างความโปร่งใส และการกำกับดูแลกิจการ สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงิน ,เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมฟินเทคในประเทศไทย ,ส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน และสนับสนุนระบบการเงินให้มีศักยภาพในการรับมือสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไป

ความร่วมมือนี้ ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ ASEAN Economic Reform และ ASEAN Low Carbon Energy Programmes ภายใต้กองทุนพรอสเพอริตี้ (Prosperity Fund) ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยจะแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวโน้มการเงินใหม่ ๆ ,วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งสินค้าและบริการทางการเงิน โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาภาคการเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างทั่วถึง ที่คำนึงถึงผลกระทบของนโยบายที่จะมีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ คำนึงถึงกลุ่มคนในทุกภาคส่วนของสังคม

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หน่วยงานกำกับภาคการเงิน ควรให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร ที่ส่งเสริมนวัตกรรม เนื่องจากเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทคช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง สะดวก และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการทางการเงินได้ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจรวมถึงคุณภาพของสินเชื่อ ดังนั้น สถาบันการเงินควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงปัจจัยผลข้างเคียงต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่สนับสนุนนวัตกรรมทางการเงิน ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงช่วยให้ผู้ให้บริการทางการเงินนำแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม มาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรและการดำเนินธุรกิจ

ด้านเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ไบรอัน เดวิดสัน กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจฉบับนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่เราพยายามรับมือและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 บริการทางการเงินต่าง ๆ สามารถช่วยกระตุ้น และสร้างงาน สนับสนุนภาคธุรกิจ และส่งเสริมให้สังคมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยอาศัยการปรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังต้องให้ความสนใจกับฟินเทค ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินชีวิตของหลายคนในช่วงวิกฤตโรคระบาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ่ายเงินจากภาครัฐให้ประชาชน ไปจนถึงการสั่งซื้อของออนไลน์ดังนั้นผมจึงยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้กับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกระชับความร่วมมือผ่านกองทุนพรอสเพอริตี้ดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น