“ธานี” แถลงย้ำ กมธ.สนช. ไม่ใช่จุดเปลี่ยนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ย้ำแค่ศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงก่อนส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีอำนาจบงการหรือสั่งการฝ่ายใด
ที่รัฐสภา นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.การกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ขอความเป็นธรรมจากกมธ.กฏหมาย จนทำให้เป็นจุดเปลี่ยนสั่งไม่ฟ้องคดี ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสื่อคลาดเคลื่อนไปบางประการ คือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่มีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม ตามคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ซึ่งพนักงานอัยการมิได้นำประจักษ์พยานที่สอบเพิ่มเติมมาพิจารณา โดยมีคำสั่งให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว และเมื่อนายวรยุทธเห็นว่าไม่ได้รับความป็นธรรม จึงได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 4 พ.ค.59 ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการ ฯ และคณะกรรมาธิการ ได้สอบหาและศึกษาโดยเชิญประจักษ์พยานที่ได้ให้การไว้แต่เดิมมาประชุมชี้แจงต่อคณะกมธ. ไม่ได้มีประจักษ์พยานใหม่เพิ่มเติมจากที่ให้การไว้เดิมแต่อย่างใด
ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค.59 คณะกรรมาธิการฯ มีมติรวบรวมผลการสอบหา และการศึกษาข้อเท็จจริงส่งให้กับพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามลำดับ ต่อมาพนักงานอัยการ ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 แจ้งผลการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับกรณีการร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ ต่อคณะกรรมาธิการฯ ว่า อัยการสูงสุด ได้พิจารณารายงานผลการศึกษาสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการฯแล้วมีคำสั่งให้ยุติเรื่องขอความเป็นธรรม และอ้างว่าได้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องขอความเป็นธรรมทราบแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อได้รับแจ้งผลการพิจารณาของอัยการสูงสุดให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวแล้ว คณะกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อไปอีก และนายวรยุทธ ก็ไม่ได้ติดต่อให้คณะกรรมาธิการดำเนินการอีกแต่อย่างใด เพราะทราบผลการพิจารณาแล้ว และผู้ร้องจะดำเนินการหรือร้องให้สอบพยานเพิ่มเติมใดๆ หลังจากนี้อีกคณะกรรมาธิการไม่ได้รู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวเข้องอีกแต่ประการใด
นายธานี กล่าวต่อว่า การที่อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งให้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมาธิการฯ มิได้มีอิทธิพลที่จะส่งผลให้อัยการสูงสุดเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ซึ่งโดยบทบาทอำนาจหน้าที่ของสนช. ส.ส. ส.ว. ทำหน้าที่นิติบัญญัติ มิได้มีอำนาจไปบงการหรือสั่งการฝ่ายบริหารหรือองค์กรต่างๆ แต่อย่างใด มีอำนาจแค่ศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงแล้วรวบรวมรายงานส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักอัยการสูงสุด และคณะกรรมการตามคำสั่งแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามขอความชัดเจนและสอบถามรายละเอียดถึงการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมาธิการฯหลายประเด็น ทั้งกรณีความสัมพันธ์ของทนายประจำตระกูลอยู่วิทยา และดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ การนำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาเสพติดโคเคนที่อยู่ในร่างกายของนายวรยุทธ เป็นต้น แต่นายธานี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยระบุสั้นๆว่า ขอให้รอฟังผลการพิจารณาของคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด น่าจะได้ข้อเท็จจริงที่สุด