xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีMPIมิ.ย.ฟื้นเป็นเดือนที่ 2 รับโควิดคลี่คลาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2563 ขยายตัว 4.18% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลายอุตสาหกรรมหลัก เริ่มทยอยกลับมาขยายตัว แนะผู้ประกอบการ ปรับตัวสอดรับหลังพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal ที่มีความต้องการสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น แต่ชะลอการบริโภค สินค้าคงทน

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 4.18% โดยขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 รวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิถุนายนขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ 55.21% จากเดิมที่ 52.34% สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2563 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.66% โดยยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กิจกรรมสำคัญทางเศรษฐกิจรวมทั้งกิจกรรมด้านการขนส่งทั่วโลกหยุดชะงักลง เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะลอตัว ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.97%

นายทองชัย กล่าวว่า พฤติกรรมการบริโภคในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมได้ส่งผลต่อความต้องการสินค้าคงทนลดลง ประชาชนชะลอการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทำให้อุตสาหกรรมหลักหดตัวลงและส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมิถุนายน 2563 ได้แก่ การผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน แต่ทว่า ความต้องการในสินค้าจำพวกอุปโภคและบริโภคกลับขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนมิถุนายน ได้แก่

“อาหารสัตว์สำเร็จรูป” ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.78% จากผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารปลาเป็นหลัก เนื่องจากความต้องการอาหารสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

“อาหารทะเลกระป๋อง” ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.46 % โดยเฉพาะปลาทูน่ากระป๋อง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลให้เกิดความต้องการอาหารที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

“ผลิตภัณฑ์นม” ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.74% จากผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มและนมผง เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการทำโปรโมชั่นและเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ โดยได้รับคำสั่งซื้อจากมาเลเซีย อินโดนีเซียและพม่าเพิ่มขึ้นหลังผู้ผลิตในมาเลเซียปิดโรงงานชั่วคราวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

“เครื่องใช้ในครัวเรือน” ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.74% จากผลิตภัณฑ์ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ และกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นและให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น รวมถึงการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มเปิดประเทศของกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะตลาดหลักจากประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างญี่ปุ่นและบังคลาเทศ

ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลัก ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร (หักน้ำตาล) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน1.30% , อุตสาหกรรม ปิโตรเคมีขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน 2.25% ในขณะที่อุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ได้เริ่มกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ 28.00%โดยตลาดในประเทศขยายตัว43.50% และตลาดส่งออกขยายตัว 67.40 % เนื่องจากในช่วงเดือนมิถุนายนผู้ประกอบการเริ่มกลับมาเปิดสายการผลิต ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว

นายทองชัย กล่าวด้วยว่า รัฐบาล อยู่ระหว่างดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 และมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 ที่จะอนุญาตให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับต่างชาติ เช่น ชาวต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าในราชอาณาจักร กองถ่ายภาพยนตร์ต่างชาติ กลุ่ม Medical and Wellness ฯลฯ จึงคาดว่า จะทำให้ภาคการผลิตกลับมาผลิตได้เต็มกำลังอีกครั้ง ซึ่ง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและแผนดำเนินการให้เข้ากับพฤติกรรมการบริโภคในยุคชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ที่มีความต้องการในสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น