xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม”ชูโครงข่ายคมนาคม ฟันเฟืองฟื้นฟูศก.หลังโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศใช้ยุทธศาสตร์พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย 4 มิติ ทั้งทางบก ,ทางน้ำ ,ทางอากาศ ,ทางราง ฟันเฟืองฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศหลังโควิด-19 พร้อมรับฟังข้อเสนอ และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่ง ที่ได้รับผลกระทบ ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง เพื่อลดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและการเสวนาสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี และส่งเสริมพัฒนาความรู้ด้านการคมนาคมขนส่งและความปลอดภัย ประจำปี 2563 ครั้งที่ 1 ภายใต้ชื่อ “MOT 2020 Move On Together คมนาคมเคียงข้างคนไทย ฟันเฟืองฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19” และกล่าวเปิดงาน “คมนาคมภูมิใจ รวมไทยสร้างชาติ”

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่เพื่อเร่งหามาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจซึ่งหดตัวลงให้กลับมาขยายตัวเป็นบวกขึ้น แต่ในขณะเดียวกันยังคงมาตรการป้องกันและการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ไว้เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชน

กระทรวงคมนาคม เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเดินหน้าทางเศรษฐกิจ กระทรวงคมนาคมประกอบด้วย 4 มิติ คือ หน่วยงานทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง ซึ่งตั้งแต่ที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ยึดหลักบริหารงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการไว้มาโดยตลอด พร้อมกับการผสมผสานเพิ่มเติมนโยบายที่เน้นสนองตอบความต้องการของประชาชนภายใต้สถานการณ์สังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางบก ได้เร่งรัดการพัฒนาทำให้เกิดการเชื่อมโยงความเจริญสู่หมู่บ้าน ชุมชน เพื่อให้สามารถสัญจรได้สะดวก โดยมีแผนการดำเนินการทั้งประเทศภายใต้งบประมาณกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมถนนของกรมทางหลวงชนบทเข้าสู่ถนนสายหลักของกรมทางหลวง และเชื่อมโยงแต่ละจังหวัดทั่วประเทศเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งเร่งรัดโครงการขยายถนนพระรามที่ 2 ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 ช่วงบางปะอิน - นครราชสีมา เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากเส้นทางดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

และในอนาคตกระทรวงมีแผนที่จะพัฒนาโครงข่ายร่วมกันระหว่างทางรถไฟกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองภายใต้กรอบแผนแม่บท MR-MAP (Motorways + Rails) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมในรูปแบบใหม่ที่จะเพิ่มความเชื่อมโยงภายในประเทศและภูมิภาคอาเซียน มีความปลอดภัยสูงขึ้น และลดภาระในการลงทุนของภาครัฐในระยะยาว

ส่วนนโยบายด้านระบบคมนาคมทางน้ำ ได้เร่งพัฒนาท่าเทียบเรือขนาดใหญ่และท่าเทียบเรือน้ำลึก รวมทั้งโครงการเชื่อมการเดินทางขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสร้างความเจริญให้กับประเทศ และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน

กระทรวงคมนาคม มีวิสัยทัศน์ที่จะพลิกโฉมการขนส่งระบบรางของไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค โดยการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ พัฒนารถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในตัวเมือง ผลักดันและเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อมโยงกับ EEC ซึ่งการพัฒนาระบบรางจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ

ในด้านการคมนาคมทางอากาศ ได้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการของท่าอากาศยาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรด้านการบินและผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและส่งเสริมการค้าการลงทุน ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานภูมิภาคทั่วประเทศ การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมแล้ว กระทรวงคมนาคม ยังคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทาง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยร่วมกับสถาบันการศึกษา คิดค้นแท่งคอนกรีตหุ้มยางพารา (Rubber Fender Barrier : RFB) หรือกันชนยางที่นำไปครอบบนแบริเออร์คอนกรีตป้องกันความรุนแรงจากอุบัติเหตุ รถยนต์เสียหายเฉพาะด้านชน ไม่พลิกคว่ำ และไม่มีการเหินของรถเหมือนแบริเออร์คอนกรีตแบบเดิม รวมถึงสร้างความปลอดภัยจากแรงปะทะได้เมื่อใช้ความเร็วรถ 120 กม./ชม. และได้คิดค้นเสาหลักนำทางจากยางพาราธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) โดยใช้น้ำยางพาราข้น 60% มีวิธีการผลิตไม่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุจากการที่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์เสียหลักไปชนเสานำทาง โครงการ RFB และ RGP

นอกจากจะช่วยลดความรุนแรงและการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ยังช่วยยกระดับรายได้ของเกษตรกรสวนยาง เพราะจะรับซื้อน้ำยางพาราโดยตรงจากเกษตรกร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผลประโยชน์จะถึงมือเกษตรกรสวนยางกว่า 70% ในปีงบประมาณ 2563 - 2565 กระทรวงมีแผนที่จะใช้ปริมาณน้ำยางพาราสด จำนวน 1,007,951 ตัน โดยมีสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการผลิตทั่วประเทศทั้งสิ้น 62 แห่ง รวมสมาชิก 355,181 ราย เกษตรกรที่ได้ประโยชน์ 1,420,724 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ย้ำว่า พร้อมรับฟังความเดือดร้อนและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบหลัง COVID-19 เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าดำเนินการอยู่บนมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการตรวจคัดกรองก่อนเข้าพื้นที่สถานีหรือเข้าใช้บริการ การเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง
















กำลังโหลดความคิดเห็น