ตลาดเงิน ตลาดทุนไทย ผันผวน จากความกังวลโควิด-19 กลับมาระบาดในไทยรอบ 2 ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หนุนรัฐ ตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด
กลายเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง สำหรับสถานการณ์โควิด-19 จากกรณีทหารอียิปต์ที่เดินทางเข้ามาพักใน จ.ระยอง รวมทั้งเด็กหญิงชาวซูดานวัย 9 ขวบครอบครัวนักการทูต ที่พักในคอนโดย่านสุขุมวิท ซึ่งผลตรวจยืนยันพบการติดเชื้อ แต่ไม่กักตัว จนสร้างความกังวลในวงกว้างว่า จะเกิดการระบาดระลอก 2 เกิดขึ้นในประเทศ
โดยเปิดตลาดเช้านี้(14ก.ค.) ตลาดหุ้นไทย ร่วงทันที 15.36 จุด ปรับลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี คาดว่า หุ้นไทย จะอ่อนตัวทดสอบ 1,330 - 1,335 จุด จากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ทั้งความกังวลโควิด-19จะกลับมาระบาดรอบ 2 ในประเทศไทย หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นและอาจขยายวงในช่วง 14-21 วันหลังจากนี้ และความกังวลว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย สั่งปิดสถานประกอบการบางประเภท เช่น บาร์และโรงภาพยนตร์ เพราะยอดติดเชื้อโควิด-19พุ่งขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง จากกระแสข่าวกลุ่มโอเปกอาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกัน คาดว่า ดัชนี อาจสลับรีบาวด์ขึ้นได้ จากแรงซื้อกลับและความคาดหวังเกี่ยวกับความคืบหน้ายารักษาโควิด-19 หลังบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ของสหรัฐ และ บริษัทของเยอรมนี ได้รับสถานะ "fast track" จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ส่วนความเคลื่อนไหวเงินบาท เปิดตลาดเช้าวันนี้ อยู่ที่ระดับ 31.41 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนหน้า ที่ระดับ 31.38 บาทต่อดอลลาร์ นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ บอกว่า ระยะสั้นเงินบาท พลิกกลับมาเป็นอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว จากความกังวลการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรอบใหม่ และสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลกที่มียอดผู้ติดเชื้อ พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย บอกว่า สนับสนุนให้ภาครัฐ จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ในรูปแบบการปฏิบัติงาน เช่นเดียวกันศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด หรือ ศบค. เพราะรัฐบาลจะได้มีข้อมูลเศรษฐกิจ ที่มาจากหลายทาง และได้ข้อมูลโดยตรงจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำได้ตรงประเด็นและรวดเร็ว