ตลาดหลักทรัพย์ ระบุ มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2563 คึกคัก ทำนิวไฮในรอบ 30 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นดีขึ้น หลังโควิดคลี่คลาย และขานรับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ โดยพบว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่ เข้ามาลงทุนในหุ้นมากขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมิถุนายน 2563 ค่อนข้างทรงตัว โดยณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,339.03 จุด ลดลง 0.3% จากเดือนก่อน และลดลง 15.2% จากสิ้นปีก่อน แต่เมื่อพิจารณามูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวัน พบว่า คึกคักมาก โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 77,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นเดือน ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงที่สุดในรอบ 30 เดือน และสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติการณ์ ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี 2563 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม อยู่ที่ 68,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาจากผู้ลงทุนในประเทศ(Local Investors)เป็นหลัก ซึ่งในเดือน มิ.ย.นี้ มีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงกว่าผู้ลงทุนประเภทอื่นๆ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ 48.76% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ขณะที่สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนต่างชาติ(Foreign Investors) อยู่ที่ 32.48% สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายบัญชีหลักทรัพย์(Proprietary Trading) อยู่ที่ 9.35% และสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายนักลงทุนสถาบันในประเทศ (Local Institutions) อยู่ที่ 9.42%
นายภากร กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น สังเกตจากผู้ลงทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลง และกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กลับมามีกิจกรรมการระดมทุนในตลาดแรก และเริ่มทยอยนำหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในนตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยคาดว่า จะมีหุ้น IPO จะมีเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังคงเป็นผู้นำของภูมิภาคในด้านมูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า มูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนในประเทศอยู่ที่ 42.92% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 33.72% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 36.11% ลดลงจากปีก่อนที่ 41.38% มูลค่าการซื้อขายบัญชีหลักทรัพย์อยู่ที่ 9.88% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ 13.55% และมูลค่าการซื้อขายนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ที่ 10.99% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ 11.35%
เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปีก่อน พบว่า เกือบทุกอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index ยกเว้น กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
นายศรพล กล่าวว่า เมื่อราคาหุ้นปรับลดลง ความน่าสนใจในการลงทุนของรายย่อยและผู้ที่จะลงทุนระยะยาวเริ่มกลับมา ขณะเดียวกันความชัดเจนในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19ในไทยดีขึ้นมาก และมีมาตรการกระตุ้น ผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน อีกทั้งประเทศแถบเอเชีย ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น และหุ้นหลายตัว มีการปรับตัวด้านโควิดที่ดี โดยพบบัญชีเปิดใหม่เป็นหลักแสนบัญชีตั้งแต่ครึ่งปีแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยหุ้นที่ลงทุนหลักๆ เป็นกลุ่ม Fundamental ซึ่งหลายหุ้นที่อยู่ใน SET50, SET100 มีการปรับลดราคาค่อนข้างเยอะ และกลุ่มบัญชีเปิดใหม่ เป็นกลุ่มที่เข้ามาซื้อเกินกว่า 50%
