"สนธิรัตน์" รื้อเกณฑ์โซลาร์ภาคประชาชน ปรับเงื่อนไขให้จูงใจมากขึ้น

รัฐมนตรีพลังงาน ตั้งคณะทำงานทบทวนเงื่อนไขโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ปลดล็อกแก้อุปสรรคทุกด้าน คาดได้ข้อสรุปเงื่อนไขใหม่ภายใน 2 เดือน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประชุมบริหารจัดการโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับภาคประชาชน (โซลาร์ภาคประชาชน) ร่วมกับตัวแทนหลายภาคส่วน เช่น นางสาวรสนา โตสิตระกูล ,นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , พระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

นายสนธิรัตน์ เปิดเผยหลังหารือว่า จะปรับแผนการดำเนินโครงการโซลาร์ภาคประชาชน โดยปรับลดเป้าหมายปริมาณการผลิตไฟฟ้าตามโครงการนี้เหลือ 50 เมกะวัตต์/ปี จากเดิมที่ 100 เมกะวัตต์/ปี หลังจากในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดโครงการ มีประชาชนเข้าร่วมโครงการน้อยมากเพียง 1.8 เมกะวัตต์ (MW) เท่านั้น จึงต้องปรับลดปริมาณการส่งเสริมผลิตไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชน ผู้จูงใจประชาชนเข้าร่วมโครงการ เชื่อว่า หากประชาชนหันมาติดโซลาร์รูปท็อปเป็นจำนวนมาก จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกัน ให้จัดตั้ง คณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการต้นแบบโซลาร์ภาคประชาชน จำนวน 50 เมกะวัตต์ ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่ 29 มิ.ย.63 โดยคณะทำงานที่จะตั้งขึ้น จะเข้ามาพิจารณาปัญหา อุปสรรค การติดตั้งโซลาร์ภาคประชาชน รวมถึงราคารับซื้อไฟฟ้าด้วย โดยมอบหมายให้นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้พิจารณาจัดตั้งคณะทำงานชุดนี้

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ตัวแทน คปพ. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้หารือเบื้องต้นว่าระบบการซื้อขายไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชนควรเป็นระบบ Net Metering หรือ ระบบหักลบ กลบหน่วยอัตโนมัติจากไฟฟ้าที่ผลิตใช้เอง เช่น เมื่อหักลบหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตและใช้แล้ว จึงนำไฟฟ้าส่วนที่เหลือขายเข้าระบบไฟฟ้าได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการซื้อขายไฟฟ้าของประชาชนในโครงการดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถใช้ระบบ Net Metering ได้เนื่องจากติดปัญหาการคำนวณภาษี ซึ่งต้องไปหารือกับกรมสรรพากร

สำหรับคณะทำงานชุดที่จะตั้งขึ้น จะพิจารณาด้านราคารับซื้อไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปด้วย โดยเห็นว่ารัฐไม่จำเป็นต้องให้เงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) แต่ราคาควรจูงใจ ซึ่งอาจเท่ากับหรือต่ำกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขายส่งไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ในอัตราเกือบ 3 บาท/หน่วย นอกจากนี้จะพิจารณาว่าปริมาณรับซื้อไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์ อาจจะเพิ่มขึ้นได้หากความต้องการในอนาคตสูงขึ้น