“สมชัย” แนะ กกต.ลงพื้นที่เปิดหีบพิสูจน์บัตรเลือกตั้งลำปาง มีปัญหาทุจริตหรือไม่ หวั่นกลายเป็นลำปางโมเดล กรณีใช้สิทธิเลือกตั้งแทนกัน
ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร รองประธานคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2560 ในฐานะอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงกรณีพบเบาะแสการทุจริตเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดลำปางว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการเลือกตั้ง เช่น คลิปซื้อเสียงที่ทำกันตอนกลางวันและเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ และ กกต. ที่ควรจะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนี้ พยานที่พร้อมจะให้ข้อมูลก็อยู่ในที่ปลอดภัยและเมื่อ กกต. จังหวัดต้องการจะสอบสวนก็พร้อม
ส่วนใบรายชื่อผู้จัดทำโพลมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐและมีเบอร์ติดต่อชัดเจน ซึ่ง กกต. จำเป็นต้องไปสอบว่ามีการจัดทำโพลจริงหรือไม่ รวมทั้งสอบคนที่มีรายชื่อในใบนั้นว่าได้ให้ชื่อและเลขบัตรประชาชนไปหรือไม่ มีผลประโยชน์อย่างไร นอกจากนี้ ตนเองยังทราบว่า 4 ชื่อในใบรายชื่อนั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ สิ่งที่น่าสนใจคือในวันเลือกตั้ง มีคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งแทนคนเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งต้องใช้อำนาจ กกต. ในการเปิดหีบและตรวจสอบ และต้องมีการพิสูจน์รายชื่อ พร้อมสอบกรรมการประจำหน่วยว่ามีผีไปเลือกตั้งได้อย่างไร โดยจุดอ่อนในการเลือกตั้งครั้งนี้คือการฉวยโอกาสสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีการขอให้เปิดหน้ากากดูด้วย เป็นโอกาสในการทุจริตที่แฝงมากับการเลือกตั้งที่เรียกว่าลำปางโมเดลหรือไม่
“หากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเป็นจริง โทษต่ำสุดคือใบเหลือง คือจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าสาวไปถึงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ไม่ยาก และถ้าเกี่ยวข้องกับผู้สมัครก็ให้ใบส้มหรือใบแดงได้ แต่ต้องมีการรักษาความปลอดภัยของผู้ที่เกี่ยวข้อง คนที่เป็นพยานต้องไปอยู่ในที่ปลอดภัย กกต. ต้องสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่าให้ข้อมูลกับ กกต. ก็ต้องคุ้มครองพยาน รวมทั้งคนที่เดินแจกเงินเอง ซึ่งตามกฎหมายหากบุคคลที่ทำความผิดแต่ให้การที่มีประโยชน์กับ กกต. ก็อาจจะไม่พิจารณาลงโทษ แต่ถ้าทำความผิดแล้วไม่ได้ให้ถ้อยคำที่มีประโยชน์จะต้องโดนจำคุก 1-10 ปี ตนว่ามันไม่คุ้ม ถ้าให้ทำงานด้วยค่าจ้างไม่กี่พัน แต่ต้องติดคุก 10 ปี ทางที่ดีจึงควรให้ปากคำที่เป็นประโยชน์กับ กกต. ดีกว่า” นายสมชัย กล่าว