xs
xsm
sm
md
lg

EU ประกาศจุดยืนเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าหลังโควิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อียู ประกาศจุดยืนเดินหน้าเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้า หลังสถานการณ์โควิด เผยวิสัยทัศน์ 18 เดือนข้างหน้า เน้นการค้าแบบเปิด ใช้ FTA ขยายการค้าและการลงทุน เล็งเจรจาอินโดนีเซีย อินเดีย จีน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตั้งเป้าลงนามความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับไทย ภายในปี 64

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่เอกสารจุดยืนของสหภาพยุโรป (อียู) ในการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศคู่ค้า ฉบับล่าสุดหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 และเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะมนตรียุโรปได้เผยแพร่เอกสารวิสัยทัศน์ของประธานคณะมนตรียุโรป ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า ซึ่งได้สรุปทิศทางนโยบายการค้า และความคาดหวังของอียูที่มีต่อประเทศคู่ค้า และคู่เจรจาเอฟทีเอ ที่ยังคงให้ความสำคัญกับระบบการค้าแบบเปิด เป็นไปตามระเบียบและกฎเกณฑ์ มีความเป็นธรรม ความคาดหวังสูง และมีความยั่งยืน โดยต้องการใช้เอฟทีเอเป็นกลไกในการขยายการค้าและการลงทุน

อียูได้ทำเอฟทีเอระดับสองฝ่ายกับประเทศคู่ค้าแล้ว 32 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา ชิลี และเม็กซิโก นอกจากนี้ มีแผนเจรจาเอฟทีเอกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ เช่น ผลักดันการเจรจาเอฟทีเอกับอินโดนีเซีย ซึ่งเริ่มต้นในปี 2559 และเจรจาเอฟทีเอกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งเริ่มต้นในปี 2561 ให้สามารถสรุปผลได้ในปี 2564ปรับปรุงความตกลงทางการค้าที่มีอยู่แล้วกับเม็กซิโกและชิลีให้ทันสมัย และเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับอินเดีย และความตกลงด้านการลงทุนกับจีน

นางอรมน กล่าวว่า การฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ที่หยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2557 นั้น คณะมนตรีแห่งอียู ด้านการต่างประเทศ มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562 ให้กระชับความสัมพันธ์กับไทยให้แน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งเอกสารฯ ได้ตั้งเป้าให้อียูลงนามความตกลง ว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (Partnership and Co-operation Agreement) ภายในปี 2564 ซึ่งเป็นความตกลงที่วางรากฐานความสัมพันธ์อียูกับไทยในด้านต่างๆ รวมทั้งฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความคาดหวังจากการเจรจาในระดับที่ใกล้เคียงกัน

จากการติดตามเอฟทีเอที่อียูเจรจาและลงนามกับประเทศคู่ค้า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ครอบคลุมประเด็นใหม่ๆ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเปิดตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การยกระดับมาตรฐานแรงงาน โดยให้เสรีภาพในการสมาคมและรวมตัวการเข้าเป็นภาคี UPOV 1991 และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นระดับความคาดหวังที่สูงและท้าทาย

ในส่วนการเตรียมการของไทย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้สถาบันอนาคตไทย ศึกษาต่อยอดเพิ่มเติมถึงโอกาสและผลกระทบจากการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเผยแพร่ในเดือนสิงหาคมนี้

นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดสัมมนารับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคม เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเสนอระดับนโยบายพิจารณาตัดสินใจต่อไป

ในปี 2562 อียู เป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ การค้าระหว่างไทย-อียู มีมูลค่ากว่า 44,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการค้า 9.2 % ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 23,581 ล้านดอลลาร์ฯ

สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ยาง และไก่แปรรูป ขณะเดียวกัน ไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 20,918 ล้านดอลลาร์ฯ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องบิน เครื่องจักรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์
กำลังโหลดความคิดเห็น