รองนายกฯ สมคิด มอบนโยบาย BOI ใช้โอกาสช่วงโควิด ผลักดันไทย เป็นฮับอุตสาหกรรมการแพทย์ใน CLMV และสร้าง สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นของประเทศ ยกระดับไปสู่ธุรกิจที่มีรายได้มากกว่าระดับ 1,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนภาคการเกษตร รองรับแรงงาน ที่จะกลับสู่ภาคเกษตรมากขึ้น หลังโควิดคลี่คลาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) ที่แท้จริงของกลุ่ม CLMVT (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม และไทย) ในเรื่องของอาหาร, บริการทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งไทยมีความโดดเด่นมากในด้านเหล่านี้ รวมทั้งสานต่อการเจรจากับประเทศเครือข่ายสำคัญ อย่าง จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน รองรับการย้ายฐานผลิตมาไทย
นายสมคิด บอกว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลกระทบชัดเจนต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยมองว่า ภายใน 1-2 ปีนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น จึวต้องการให้บีโอไอใช้โอกาสนี้ สร้างจุดเด่นให้กับประเทศไทย พัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และดิจิทัล เพื่อดึงดูดการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ บีโอไอ ต้องสร้างสร้างธุรกิจที่ก้าวสู่ระดับยูนิคอร์น หรือ ผู้ประกอบการที่มียอดขาย 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ภายใน 5ปี ควบคู่ไปกับการส่งเสริมภาคเกษตรให้เข้มแข็ง ส่งเสริมให้เกิด Local Economy เพื่อให้แรงงานที่กลับภูมิลำเนาช่วงโควิดมีงานทำ และให้บีโอไอจัดทำนโยบายส่งเสริมกลุ่ม Smart Farmer ช่วยเหลือด้านโลจิสติกส์,เครื่องจักรทางการเกษตร
นายสมคิด ย้ำด้วยว่า อย่ากังวลกับตัวเลขของนักลงทุนที่ไม่เป็นไปตามเป้า เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว โดยขอให้เน้น ปรับรูปแบบการทำงาน ใช้โอกาสที่ทั่วโลกเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างปมเด่นให้กับประเทศไทย เพื่อดึงดูดการลงทุน
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ ยอมรับว่า ปีนี้ตัวเลขส่งเสริมการลงทุนลดลง ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก และในขณะนี้ บีโอไอ ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายการลงทุน แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนกรณีรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทญี่ปุ่นที่ย้ายโรงงานและฐานการผลิตกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกครั้งนั้น เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ได้หารือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) และหอการค้าญี่ปุ่น (เจซีซี) ซึ่งบริษัทญี่ปุ่น มองว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพ และได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้ง มีจุดเด่นด้านอาหารและเกษตร จึงเชื่อว่า จะยังสามารถชักจูงบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น