ปคม.บุกตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ถูกบังคับใช้แรงงาน ใช้อาวุธปืนข่มขู่ ไม่จ่ายค่าจ้างนาน 10 เดือน
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 63 พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบก.ปคม. ได้สั่งการให้
พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ รอง ผกก.5 บก.ปคม. และ พ.ต.ต.ปฐมพงศ์ ทองจำรูญ สว.กก.5 บก.ปคม. นำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้นจับกุมตัว
นายทักษิณ มีความเจริญ อายุ 53 ปี ที่บ้านเลขที่ 199/9 ต. ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นร้านขายและสถานที่ผลิตสมุนไพร พร้อมตรวจยึดของกลางประกอบด้วย อาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ 2 จำนวน กระบอก อาวุธปืนยาว จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 12 นัด ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน”
พฤติการณ์ กล่าวคือ ด้วย บก.ปคม. ได้รับการแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี ผ่าน Facebook บก.ปคม. ร้องขอความช่วยเหลือให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งถูกนายจ้างบังคับใช้แรงงานและข่มขู่ทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธปืน ไม่ได้รับค่าจ้างนานหลายเดือน
ผกก.5 บก.ปคม. จึงได้การให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร่งด่วน เนื่องจากเป็นห่วงในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของแรงงานต่างด้าวรายดังกล่าว รวมถึงอาจจัเป็นความผิดค้ามนุษย์ หรือไม่ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลและประสานงานมูลนิธิ LPN เข้าร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานดังกล่าว
จากการตรวจค้น ได้พบตัวนายวี สัญชาติ เมียนมาร์ อายุ 21 ปี กำลังทำงานผลิตสมุนไพร จึงแสดงตัวเข้าช่วยเหลือ และซักถามทราบว่าเข้ามาทำงาน กับนายทักษิณ ฯ ณ ที่แห่งนี้ได้ประมาณ 1 ปีเศษ ทำงานวันละ 15-16 ชม. ตั้งแต่ 06.00 -22.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยตกลงค่าจ้าง เดือนละ 9,300 บาท แต่ได้รับค่าจ้างเพียง 4 เดือน หลังจากนั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 10 เดือน นั้นไม่ได้รับค่าจ้างเลย ซึ่งเป็นเงินถึง 93,000 บาท เมื่อติดตามทวงถามกลับโดนข่มขู่จะแจ้งตำรวจจับ รวมถึงแสดงอาการโกรธเคืองใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า หรือใส่พื้นดินเพื่อข่มขู่ ด้วยความกลัวจะถูกทำร้ายและไม่กล้าออกไปที่ใด เนื่องจากนายวี เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย มีความลำบากและเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประสานกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดกาญจนบุรี เข้าช่วยเหลือหาทางเยี่ยวยาแก้ไข ในประเด็นค่าจ้างที่ไม่ได้รับ ส่งตัวเข้าตรวจร่างกาย และทำการสัมภาษณ์คัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือไม่อย่างไร
ส่วนนายจ้างโหดรายนี้คือ นายทักษิณ มีความเจริญ เป็นเจ้าของร้าน และเป็นนายจ้างของนายวี ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบอาวุธปืนของกลางพร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 3 กระบอก ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนายวี ผู้เสียหาย ซึ่งนายทักษิณฯ รับสารภาพว่าค้างค่าจ้างนายวี จริง แต่ไมผาถึง10 เดือน เพียง 7 เดือน หรือ 65,000 เท่านั้น และมิได้มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายร่างกายตามที่นายวี กล่าวอ้างแต่อย่างใด
จึงได้ควบคุมตัวนายทักษิณฯ พร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
*ทั้งนี้ บก.ปคม. ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนถึงแรงงานต่างด้าวซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย แม้ท่านจะเป็นแรงงานต่างด้าว หากถูกบังคับ กดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม สามารถร้องขอความช่วยเหลือ ผ่าน Facebook /ATPDPOLICE (บก.ปคม.) และสายด่วน 1191
**เพราะทุกชีวิตมีคุณค่า ปคม. เห็นความสำคัญ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ โดยเท่าเทียมกัน**
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 63 พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบก.ปคม. ได้สั่งการให้
พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ รอง ผกก.5 บก.ปคม. และ พ.ต.ต.ปฐมพงศ์ ทองจำรูญ สว.กก.5 บก.ปคม. นำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้นจับกุมตัว
นายทักษิณ มีความเจริญ อายุ 53 ปี ที่บ้านเลขที่ 199/9 ต. ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นร้านขายและสถานที่ผลิตสมุนไพร พร้อมตรวจยึดของกลางประกอบด้วย อาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ 2 จำนวน กระบอก อาวุธปืนยาว จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 12 นัด ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน”
พฤติการณ์ กล่าวคือ ด้วย บก.ปคม. ได้รับการแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี ผ่าน Facebook บก.ปคม. ร้องขอความช่วยเหลือให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งถูกนายจ้างบังคับใช้แรงงานและข่มขู่ทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธปืน ไม่ได้รับค่าจ้างนานหลายเดือน
ผกก.5 บก.ปคม. จึงได้การให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร่งด่วน เนื่องจากเป็นห่วงในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของแรงงานต่างด้าวรายดังกล่าว รวมถึงอาจจัเป็นความผิดค้ามนุษย์ หรือไม่ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลและประสานงานมูลนิธิ LPN เข้าร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานดังกล่าว
จากการตรวจค้น ได้พบตัวนายวี สัญชาติ เมียนมาร์ อายุ 21 ปี กำลังทำงานผลิตสมุนไพร จึงแสดงตัวเข้าช่วยเหลือ และซักถามทราบว่าเข้ามาทำงาน กับนายทักษิณ ฯ ณ ที่แห่งนี้ได้ประมาณ 1 ปีเศษ ทำงานวันละ 15-16 ชม. ตั้งแต่ 06.00 -22.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยตกลงค่าจ้าง เดือนละ 9,300 บาท แต่ได้รับค่าจ้างเพียง 4 เดือน หลังจากนั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 10 เดือน นั้นไม่ได้รับค่าจ้างเลย ซึ่งเป็นเงินถึง 93,000 บาท เมื่อติดตามทวงถามกลับโดนข่มขู่จะแจ้งตำรวจจับ รวมถึงแสดงอาการโกรธเคืองใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า หรือใส่พื้นดินเพื่อข่มขู่ ด้วยความกลัวจะถูกทำร้ายและไม่กล้าออกไปที่ใด เนื่องจากนายวี เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย มีความลำบากและเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประสานกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดกาญจนบุรี เข้าช่วยเหลือหาทางเยี่ยวยาแก้ไข ในประเด็นค่าจ้างที่ไม่ได้รับ ส่งตัวเข้าตรวจร่างกาย และทำการสัมภาษณ์คัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือไม่อย่างไร
ส่วนนายจ้างโหดรายนี้คือ นายทักษิณ มีความเจริญ เป็นเจ้าของร้าน และเป็นนายจ้างของนายวี ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบอาวุธปืนของกลางพร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 3 กระบอก ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนายวี ผู้เสียหาย ซึ่งนายทักษิณฯ รับสารภาพว่าค้างค่าจ้างนายวี จริง แต่ไมผาถึง10 เดือน เพียง 7 เดือน หรือ 65,000 เท่านั้น และมิได้มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายร่างกายตามที่นายวี กล่าวอ้างแต่อย่างใด
จึงได้ควบคุมตัวนายทักษิณฯ พร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
*ทั้งนี้ บก.ปคม. ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนถึงแรงงานต่างด้าวซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย แม้ท่านจะเป็นแรงงานต่างด้าว หากถูกบังคับ กดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม สามารถร้องขอความช่วยเหลือ ผ่าน Facebook /ATPDPOLICE (บก.ปคม.) และสายด่วน 1191
**เพราะทุกชีวิตมีคุณค่า ปคม. เห็นความสำคัญ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ โดยเท่าเทียมกัน**
