รัฐมนตรีพาณิชย์ หารือทางไกลกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และหาแนวทางร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังวิกฤติโควิด-19 พร้อมขอให้อียู พิจารณาเพิ่มโควตานำเข้าไก่ให้ไทย เหตุต้องจัดสรรใหม่หลังเบร็กซิท และฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือทางไกลกับนายฟิล โฮแกน กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 ว่า การหารือครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีการค้าสองฝ่ายได้หารือกัน หลังนายฟิล โฮแกน ตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีการค้าของฝ่ายสหภาพยุโรป (อียู) เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคม 2562
การหารือครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ เช่น (1) ไทยขอให้อียูพิจารณาจัดสรรโควตานำเข้าไก่ให้ไทยเพิ่มขึ้น หลังอียูต้องมีการปรับตารางข้อผูกพันภาษีที่ทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) ใหม่ หลังสหราชอาณาจักรถอนตัวจากอียู (เบร็กซิท) เพื่อให้ปริมาณนำเข้าไก่จากไทยของอียูใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด โดยไทยขอเพิ่มโควตาจาก 288,000 ตัน เป็น 320,000 ตัน
(2) ร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับกลไลการค้าเสรีของ WTO หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่จำเป็น เพื่อให้การค้าระหว่างกันราบรื่นและไร้อุปสรรค รวมทั้งเพื่อให้ห่วงโซ่การผลิตโลกหรือกระบวนการผลิตสินค้า สามารถเชื่อมโยงระหว่างกันได้โดยไม่ติดขัด รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัล และปรับปรุงการค้าไปสู่รูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
(3) เร่งรัดให้แต่งตั้งสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ของ WTO ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อให้กลไกระงับข้อพิพาทของ WTO สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และ (4) ความเป็นไปได้ในการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู หากทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์และมีความคาดหวังตรงกัน
อียู ถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง38,239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสัดส่วน 8.4 % ของการค้าไทยกับโลก โดยในปี 2562 ไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 19,737.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ,แผงวงจรไฟฟ้า ,เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ,ผลิตภัณฑ์ยาง ,ไก่แปรรูป ,เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
ส่วนไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,501.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ,เครื่องบิน, อุปกรณ์การบิน, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ,เคมีภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม