xs
xsm
sm
md
lg

จากวิศวกรสู่เกษตรกร! “ไนท์” บัณฑิตหนุ่มพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผันตัวเองเป็นชาวสวนทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ไนท์” หนุ่มชุมพรวัยแค่ 25 ที่ยอมทิ้งอนาคตที่สดใส จากการเรียนจบด้านวิศวะ กลับไปเป็น “เกษตรกร” ที่บ้านเกิด จนปัจจุบัน เขาไม่เพียงมี “ฟาร์มเกษตรอินทรีย์” ของตนเอง แต่ยังเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้สนใจอีกด้วย




แม้อาชีพวิศวกร จะเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน แต่สำหรับ “ไนท์” ศุภวิชญ์ สง่าวงษ์ หนุ่มวัย 25 ปีคนนี้ ที่แม้จะเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมการผลิต จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กลับไม่เลือกที่จะเอาดีด้านวิศวกร ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับบ้านเกิดที่ จ.ชุมพร ผันตัวเองเป็นเกษตรกร ด้วยการลงมือลงแรงทำเองเพียงลำพัง จะมีสักคนที่เลือกชีวิตแบบนี้?


ไม่ชอบ “ชีวิตเร่งรีบ” ตัดสินใจหันหลังให้เมืองกรุง

“จริงๆ ตอนที่ผมเรียนอยู่ เกิดคำถามกับตัวเองว่า เราอยากจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้จริงหรือเปล่า โอเค เราไม่ได้ชอบชีวิตในเมืองกรุง เราไม่อยากมีชีวิตแบบเข้าออฟฟิศ ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ผมอยากค้นหาตัวเองมากว่า เลยมองว่าอยากกลับบ้าน ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่ในเมือง ไม่ต้องอยู่ในสังคมที่เขาเร่งรีบ จริงๆ อยู่ในเมืองกรุงมันไม่ได้แย่ แต่ผมไม่ได้ชอบเท่านั้นเอง ไม่ชอบที่ต้องตื่นเช้ามากๆ เพื่อต้องไปเจอกับคนที่เขาใช้ชีวิตเร่งรีบกัน”


หลายคนตั้งคำถาม ไม่เสียดายเวลา 4 ปีที่ร่ำเรียนวิศวะมาหรือ?

“ผมเจอคำถามว่า ไม่เสียดายเหรอ 4 ปีที่เรียนมา ก็คงมีเสียดาย เงินทองที่พ่อแม่ส่งมาเรียน ก็มีเสียดายองค์ความรู้ที่เราได้เรียนมา แต่ผมก็กลับมามองว่า ถ้าเราไม่ได้ชอบในสิ่งตรงนี้ เราเห็นแล้วว่ารุ่นพี่เราเจออะไร เราตัดสินใจว่า เราไม่ได้ชอบตรงนั้น ผมมองว่า 4 ปีผมยอมเสีย แต่ผมไม่ยอมเสียอีกครึ่งชีวิตที่ต้องไปอยู่ตรงนั้นในสิ่งที่ผมไม่ได้ชอบ ผมก็ต้องมาค้นหาตัวเองว่า ผมชอบอะไรกันแน่”


หลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ตั้งเป้าพัฒนางานเกษตรที่บ้าน แต่พ่อแม่ไม่อนุญาต ถ้าไม่มีความรู้

“ตอนกลับมานี่คิดเยอะเหมือนกัน ง่ายสุดคือ เราเอาความรู้ไปสมัครงานที่อื่น แต่ผมมองว่า ต้นทุนที่ผมมี ผมโชคดีมีต้นทุนตรงนี้ พ่อแม่มีพื้นที่ว่าง ทำเป็นเกษตรเชิงเดี่ยว เป็นปาล์มบ้าง เป็นยางบ้าง ผมเลยรู้สึกอยากกลับมาพัฒนาตรงนี้ พอกลับมา พ่อแม่ไม่ให้ทำตรงนี้ พ่อแม่ยื่นคำขาดว่า ต้องไปหาความรู้มาก่อน ไหนๆ จะหาความรู้แล้ว ไปเรียนกับคนที่เขาทำเป็นเลย”


ผลจากการไปลงเรียนหลักสูตรการพัฒนาผู้นำเกษตรกรรุ่นใหม่ ทำให้ “ไนท์” ได้วิชาที่ไม่เคยรู้มาก่อน

“อาจารย์จะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกัน อาจารย์มักจะไม่สอนสิ่งที่ถูกต้องให้เสมอไป เขาจะสอนให้เจอสิ่งที่ผิดก่อน และเรียนรู้กับมัน อาจารย์บอก คุณเอาขี้ไก่โรยใส่แปลงเลย เกิดอะไรขึ้น เชื้อราขึ้น ไนโตรเจนสูงเกินไป ต้นตาย ขี้ไก่มันร้อน พอโรยไปโดนผัก ร้อน เป็นโรค ตาย อาจารย์เหมือนแกล้ง เพื่อให้เรียนรู้ว่า เราไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ มันจะเจอปัญหานี้ อาจารย์สอนเรา จนเราหาวิธีแก้มันเจอ จนเกิดเป็นทักษะการเรียนรู้”


ผิดคาด “เกษตรกร” ไม่ได้มีชีวิต “สโลว์ไลฟ์” อย่างที่คิด!!

“ตอนแรกหวังว่าจะมีชีวิตสโลว์ไลฟ์ในการเป็นเกษตร จริงๆ งานเกษตรไม่ใช่งานสโลว์ไลฟ์อย่างที่ใครคาดหวัง ถ้าเป็นเกษตรแปลงใหญ่ ปลูกเป็นไม้ผล อาจจะเป็นอย่างนั้น เช้าเข้าสวน และเย็นๆ ค่อยเข้าอีกที แต่จริงๆ ที่ผมเจอ เช้าต้องรีบลงแปลงรดน้ำแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวสายแล้วแดดร้อน ตอนเที่ยงก็ต้องลงที่ร่ม เพื่อทำงานที่ไปส่งเสริมงานในแปลง งานเพาะกล้า เตรียมปุ๋ย เตรียมน้ำหมัก วางแผน พอเย็นแดดร่มลมตก เราลงแปลง ไถดิน ย้ายกล้า รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ไม่เหนื่อย (ถาม-มันตรงกับความชอบเราไหม?) ตรง 1.เกษตรมันให้เวลาบางอย่างที่งานประจำให้ไม่ได้ เย็นๆ เรามีเวลาว่าง มาทำสิ่งที่ชอบ วาดการ์ตูนบ้าง เล่นดนตรีบ้าง วันนี้ไม่อยากวาดการ์ตูน ไม่อยากเล่นดนตรี ก็มาคิดว่า เราจะพัฒนาสินค้าเราต่ออย่างไร ก็มานั่งวางแผน ทำบันทึก เรามาถึงกี่เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายที่เราจะไป เกษตรมันต้องพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ต้องทำทุกวัน”


2 ปีของการเริ่มชีวิตเกษตรกร ปัจจุบัน “ไนท์” พัฒนาแปลงผักสวนเกษตรอินทรีย์ของเขาเป็นฟาร์มแล้ว ภายใต้ชื่อ อัศวินฟาร์ม (Knight’s Farm)

“ก็เหนื่อยเหมือนกัน 6 ไร่ที่ผมทำ ปลูกผักจริงๆ สักไร่เดียว นอกนั้นเป็นกล้วย เป็นหม่อน เป็นเสาวรส เป็นไม้ผล (ถาม-แนวคิดการทำฟาร์ม เริ่มจากอะไร?) อยากมีผักไว้กิน พอมีไว้กิน เราขายได้ เป็นผักที่มีมาตรฐาน มีใบมาตรฐานออร์แกนิคไทยแลนด์รับรอง”


ภัยธรรมชาติ คือปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ เกือบทำให้ “ไนท์” ถอดใจ

“จริงๆ มีหลายครั้ง แต่ครั้งใหญ่เลย ตรงนี้น้ำท่วม น้ำท่วมในรอบ 10 ปี ท่วมหนักเลย ตอนนั้นผักผมต้นไม้ผมลงไปแล้วปีหนึ่ง ท่วมตัดทั้งแปลง กลายเป็นว่า เหมือนจะเริ่มใหม่ ไม่ถึงกับเซ็ตซีโร่ ต้นไม้ยังอยู่ เพียงแต่ใกล้ตาย มันล้ม ก็ค่อยๆ เอาดินพูนเขา ค่อยๆ ให้เขางอกใหม่ ค่อยๆ เลี้ยงใหม่ ส่วนผักไม่ต้องพูดถึง จมน้ำเละเทะ (ถาม-ตอนนั้นคิดล้มเลิกไหม?) ใช้เวลาเป็นอาทิตย์อยู่กับตัวเอง รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมา มันเหนื่อยเหลือเกิน ปีหนึ่ง กลับต้องมาเริ่มใหม่อีกแล้ว”


หลังทำใจได้ “ไนท์” ค่อยๆ คิด วางแผน และเดินสู่จุดหมายที่ตนเองวางไว้อีกครั้ง...
สำหรับเกษตรกรทั่วไป การหาตลาด อาจเป็นปัญหาใหญ่ แต่สำหรับ “ไนท์” การมีใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ทำให้ตลาดเป็นฝ่ายวิ่งหาเขา


“สำหรับเรื่องตลาด เกษตรกรมักจะมองว่าตลาดอยู่ที่ไหน มันจะไปได้ไหม พ่อแม่ผมก็กลัวเหมือนกัน เพราะเขาไม่เข้าใจว่า สิ่งที่ผมทำอยู่ มันคืออะไร ผมบอก ผมจะเริ่มด้วยการมีใบมาตรฐาน ซึ่งตอนนี้มีแล้ว ใบนี้จะทำให้ผมได้เปรียบกว่าเกษตกรคนอื่น บางคนทำเกษตรอินทรีย์จริง แต่เขาไม่ได้มีใบมาตรฐาน เพราะความยุ่งยากในการทำบันทึก เรื่องยุ่งยากของการจัดการในแปลง เรื่องแนวกันชนบ่อน้ำ มันเป็นเรื่องยุ่งยากเหมือนกัน พอผมมีต้นทุน มีใบมาตรฐานแล้ว กลายเป็นว่าตลาดวิ่งหาผม เพราะเขามองว่า ในบ้านเรายังไม่มีตรงนี้ เขาต้องการคนที่ผลิตผักอินทรีย์ เขาก็วิ่งหาผม ไม่ว่าจะเป็น รพ.ชุมพร ติดต่อมาขอให้ส่งผัก พ่อค้าแม่ค้าบางคนอยากได้ผักอินทรีย์ไปขาย เพื่อกินเปอร์เซ็นต์ ก็มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ”


ตั้งเป้า อยากเป็น “ศูนย์เรียนรู้” ให้คนได้เข้ามาศึกษาเกษตรอินทรีย์

“ก็มีคนมาแวะดู เป็นเกษตรกรบ้าง เข้ามาคุยบ้าง มาดูงานบ้าง ปลูกยังไง ทำไมทำเป็นเกษตรอินทรีย์ ขอมาตรฐานยังไงก็มี ออกไปข้างนอกบ้าง บางครั้งเป็นวิทยากรมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร สอนเรื่องการเตรียมความพร้อมเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามยุค เพราะยุคนี้เรื่องของโรค แมลง สภาพภูมิอากาศ เปลี่ยนจากเมื่อก่อน เมื่อก่อนสามารถคาดการณ์ได้ เดี๋ยวนี้คาดการณ์ไม่ได้ ต้องเตรียมความพร้อมเสมอ ก็มีสอนเด็กบ้าง และมีอีกอย่าง สอนเรื่องการปลูกข้าว ที่ผมปลูกนี่คือข้าวไร่ คือข้าวที่ปลูกบนที่ดอน ใช้น้ำน้อย และใช้ฝนตกตามฤดูกาล”


กำลังใจมาแบบไม่คาดคิด!!

“วันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์ เขาบอก น้องปลูกผักใช่ไหม น้องปลูกยังไง น้องปลูกส่งพี่ได้ไหม เพราะพี่เป็นโรคเอสแอลอี เขากินอะไรไม่ได้ เขาบอกเขาใช้ชีวิตด้วยการกินเห็ดหลินจือ ต้องปลอดสารพิษ เพราะโรคเอสแอลอีคือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เขากินอะไรที่สารเคมีปนเปื้อน เขาจะอ้วก ตัวบวม เขาอยากกินผักผม ผมรู้สึก นี่เหรอคนที่เขาต้องการผักเราจริงๆ เพราะผมปลูกด้วยระบบอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีตกค้าง เขากิน ปลอดภัยกับเขา มันมีคนที่เขาเข้าใจ เขาต้องการเราจริงๆ เป็นหนึ่งในกำลังใจให้ผม เราเข้าใจแล้วว่า ผักที่เราทำ มีคุณภาพ เราอยากคงคุณภาพตรงนี้ และทำให้ดีต่อไปเรื่อยๆ”


แม้ 2 ปี อาจเป็นเวลาที่ยังไม่มาก สำหรับคนๆ หนึ่งที่ผันตัวจาก “วิศวกร” มาเป็น “เกษตรกร” แต่ดูพัฒนาการของความสำเร็จและกำลังใจที่เข้ามาแล้ว เชื่อว่า “ไนท์” น่าจะมีแรงใจทำเกษตรอินทรีย์ให้มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos












กำลังโหลดความคิดเห็น