รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “เจ๊จง” เจ้าของร้านหมูทอดชื่อดังย่านคลองเตย ที่ไม่เพียงประสบความสำเร็จในการพลิกชีวิตจากคนมีหนี้ก้อนโต มาเป็นเจ้าของกิจการร้อยล้าน แต่เจ๊จงยังมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมสังคมในยามโควิด-19 ระบาดอีกด้วย
อาจไม่ง่าย ที่ชีวิตคนๆ หนึ่ง ซึ่งเคยมีหนี้สินมากมาย ทำงานใช้หนี้เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด จะสามารถหาลู่ทางทำอาชีพ จนกิจการเจริญก้าวหน้า ไม่เพียงปลดหนี้ได้หมด แต่ยังมีเงินเก็บมากมายเพื่อครอบครัวได้อยู่สบาย ไม่เท่านั้นยังแบ่งปันผลกำไร ทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยเฉพาะในยามที่วิกฤตโรคโควิด-19 ระบาดอยู่ตอนนี้
เรากำลังพูดถึง “เจ๊จง” หรือ จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จงผู้โด่งดังย่านคลองเตย และมีสาขามากถึง 13 สาขา หมูทอดเจ๊จงไม่เพียงรสชาติอร่อย แต่ยังราคาถูกอีกด้วย
“จุดยืนของเจ๊คือ ต้องถูก เจ๊ขายมา 17 ปี เจ๊ขึ้นมา 6 ครั้งๆ ละ 1 บาท เท่ากับข้าวกลับบ้านราดหมู เมื่อก่อนขาย 15 บาท เริ่มจาก 10 บาทด้วยนะ 15 บาทนี่คือพิเศษ จนทุกวันนี้ถุงละ 21 บาท อย่างลูกเจ๊จะไปเปิดสาขาขายกัน เราก็ต้องมานั่งคุยกัน ถึงเป็นลูก แต่ถ้าทำไม่เหมือนแม่ ก็ไม่ให้ขาย ก็จะมีบ้างอย่างน้องโอ๊ต (ลูกคนเล็ก) ไปอยู่นห้าง ราคาอาจจะปรับขึ้นไปบ้าง แต่ราคาก็ไม่ได้โดดจนแม่รับไม่ได้ อย่างนี้เราก็ยังให้โอกาส แต่ถ้าคนไหนที่ขายแล้วผิดเพี้ยนไปแล้ว ต้องเลิกขาย เราไม่ให้ขายในแบรนด์เรา และของต้องดี ซัพพลายเออร์เจ๊ต้องรู้ เพราะถ้ามึงส่งไม่ดีมาให้กู กูเลิกซื้อมึงเลยนะ เจ๊ซื้อของ เจ๊ไม่เคยต่อ และไม่ไปเลือก ไม่ไปจุ้นจ้านด้วย แต่ถ้าส่งมาไม่ดี เจ๊เลิกซื้อเลยนะ”
แม้วิกฤตโควิด-19 ระบาด จะทำให้ร้านอาหารจำนวนมากได้รับผลกระทบ แต่สำหรับร้านหมูทอดเจ๊จง กลับตรงกันข้าม เพราะนอกจากไม่กระทบแล้ว ยังขายดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่เจ๊จงไม่โลภกับโอกาสที่เข้ามา เลือกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่า
“โควิด-19 ไม่กระทบยอดขายเลย กลับขายดีด้วยซ้ำ ยอดมันจะพุ่งขึ้นไป แต่สุดท้ายเจ๊รับไม่ได้กับการที่คนมาต่อแถว แล้วไม่ยอมอยู่กันห่างๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่จัดระเบียบ เราจัดระเบียบแล้ว เราตะโกนบอกแล้ว แต่เขาไม่ฟังเรา เราเลยต้องหันกลับมาปรับตัวเราเอง เจ๊เรียกลูกมาคุย บอกว่า ในวิกฤตแบบนี้ เราจะโลภไม่ได้ เราจะไม่โลภ เราจะไม่เห็นแก่ยอดที่มันพุ่งขึ้นไป เจ๊ก็เลยมาคุยกันว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า เราเลิกทำกับข้าวเลย บางสาขาที่เขาทำเอง เขายังทำอยู่ แต่สาขาที่ต้องเอาจากที่นี่ จะไม่มีกับข้าว จะเป็นแต่หมูกับของทอด ผลปรากฏว่า ยอดหายไปเป็นครึ่งเลย แต่เราขายแล้วมีความสุขกว่า”
ก่อนมาเปิดร้านหมูทอด เจ๊จงและสามีมีร้านขายของชำเล็กๆ ในแฟลตคลองเตย ซึ่งชีวิตไม่ได้ลำบากมากนัก แต่ด้วยความที่อยากช่วยคนที่ลำบากกว่า สุดท้าย เจ๊จงจึงได้หนี้ก้อนโตกลับมา
“อยู่สังคมแฟลต อยู่ตลาด เจ๊ก็เริ่มเห็นแล้วว่า คนนี้กู้เงินเขามาแพง คนนี้ก็กู้เงินดอกแพง แต่ละคนเสียดอกแพงๆ ทั้งนั้นเลย เจ๊ก็ชวนมาๆ มาอยู่กับเจ๊เลย ชวนแต่คนแย่ๆ ทั้งหมดมาอยู่กับเจ๊ แล้วเป็นเท้าแชร์ จะเล่นกี่มือก็ได้ ให้เล่น และให้เปียหมดด้วย พูดแค่คำเดียวว่า มึงอย่าทำกูนะ พอสุดท้ายปุ๊บ คนนี้เปียไปหมดปุ๊บ ฆ่าตัวตาย คนนี้เปียไปหมดปุ๊บ หนีไป หนีๆๆๆ จนตายละเราไม่ได้เป็นคนรวย ไม่ได้มีเงินสำรอง ก็เป็นหนี้เลยทีนี้”
กินแต่ยานอนหลับ เพราะไม่อยากตื่นมาเผชิญหนี้!!
“เจ๊เคยกินยานอนหลับ กินตื่นกินตื่นกิน จนไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร พอเจ๊ตื่นปุ๊บ ก็กินอีก คือมันทุกข์ขนาดที่ว่า มันทุกข์มาก พอเจ๊ลืมตาก็คว้ายามากิน พอตื่นมาคว้ายา จนวันหนึ่งเจ๊ นี่มันวันอะไร กินแบบไม่รู้เลยว่ามันคือวันอะไร”
หนี้บาน จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมด สามีเริ่มตีตัวออกห่าง!!
“เจ๊ก็เริ่มเอาอันนี้มาจ่ายอันนี้ เอาอันนี้มาจ่ายอันนี้ สลับๆๆๆ จากหนี้ก้อนเท่านี้ ก็ค่อยๆ บาน จนเป็นหนี้กองใหญ่ และสรุปสุดท้าย เจ๊ก็มาคิดว่าเราต้องหยุดแล้ว ถ้าเราไม่หยุดตอนนี้ เราต้องตายแน่นอน แต่เจ๊ไม่มีความคิดที่จะหนีหนี้ ตอนนั้นมีอะไรจ่ายๆๆๆ จนแฟนเจ๊บอกว่า ถ้ากูอยู่กับมึง ลูกกูต้องอดตาย แฟนเจ๊ก็พาลูกกลับไปอยู่กับแม่เขา ตอนนั้นเจ๊ไม่มีความคิดที่ว่า โดนผัวทิ้งเลยนะ เจ๊คิดอย่างเดียวว่า เจ๊จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้เขา แฟนเจ๊ว่าเจ๊จ่ายแต่หนี้ ไม่มีเงินเหลือ แม้กระทั่งลูกไม่มีข้าวกิน เจ๊ยังจ่ายเขาจน เจ๊ต้องเดินไปเซ็นข้าวมาให้ลูกกิน แฟลตที่เจ๊อยู่ เจ๊ก็จำนองหมดนะ คือมันไม่เหลือ ถูกเขายึด ยึดมาปุ๊บ เจ๊ก็ต้องเช่าเขา เช่าบ้านซึ่งมันเป็นบ้านเรา พอถึงเดือนปุ๊บ เจ๊ก็ต้องกู้แขก เพื่อไปจ่ายค่าเช่าบ้าน และมาส่งแขกเอา บางทีถึงเดือนยังส่งแขกไม่หมดเลย บางวันไม่มีเงิน ก็ไม่ได้ส่ง ค่าเช่าบ้านมาอีกแล้ว”
เริ่มขาย “อาหารตามสั่ง” เลิกกินยานอนหลับ แต่หันมากินเหล้าแทน
“เจ๊ก็กู้เงินเขามาลงทุนนะ ไม่มีอุปกรณ์อะไรในการขาย เจ๊ก็ยืมเขา กะทะ ตะหลิวทุกอย่าง เจ๊ยืมเขามา เพื่อมาขาย เพื่อหาเงินให้ได้ แล้วพอเสร็จปุ๊บ เจ๊เริ่มขาย มันก็ไม่ใช่ว่าขายดี เจ๊ก็ขายไป นอนรอลูกค้าไป บางวันเมาด้วยซ้ำ เลิกกินยานอนหลับ ก็หันมากินเหล้าแทน เมาชนิดที่ว่า เมื่อคืนไปกินที่ไหนมา ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินนะ จนมีอยู่วันหนึ่ง เราก็มีความรู้สึกว่า เราทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะถ้าเราทำแบบนี้ เราจะเป็นแบบอย่างให้ลูกได้ยังไง”
แม้อาหารเริ่มขายดี แต่มีคนแนะขาย “ข้าวแกงบุฟเฟต์” ดีกว่า!!
“แรกๆ ยังขายไม่ดี แต่ตอนหลังขายแบบไม่ได้นั่งเลย เพราะเจ๊เป็นคนที่พอลูกค้าขอเพิ่ม เจ๊จะ “ได้ค่ะ” ได้หมด และไม่ได้คิดตังค์เพิ่มกับเขา จนลูกค้าเยอะมาก เจ๊ไม่มีเวลานั่งเลย ก็มีพี่อยู่คนหนึ่ง เขามาเห็นเจ๊ทำ เขาก็บอกว่า เจ๊ เขาเรียกอีเจ๊ ถ้ามึงทำแบบนี้ วันหนึ่งมึงต้องตายแน่ๆ เพราะเขาเห็นจากที่เรายืนทำๆ เขาก็แนะนำเจ๊ก่อนว่า ให้ขายข้าวแกงบุฟเฟต์ เจ๊ก็คิดว่า ทำยังไงวะ ข้าวแกงบุฟเฟต์ ทำข้าวแกงก็ไม่เป็นเนอะ เจ๊ก็ใช้วิธีการไปดูเขา ไปดูคนที่เขาขายข้าวแกงว่า เขาขายกันยังไงข้าวแกงบุฟเฟต์ พอเจ๊ไปเห็นปุ๊บ ความรู้สึกแรก เจ๊รู้เลยว่าเจ๊ทำได้ พอกลับมา เจ๊บอกกับพ่อเจ๊เลยว่า เจ๊จะเลิกขายอาหารตามสั่งแล้ว เจ๊จะมาขายข้าวแกงบุฟเฟต์ เจ๊ขึ้นไปบนโลตัส แล้วเจ๊ก็ไปร้านซีเอ็ด และอ่านหนังสือ วิธีการทำว่าทำยังไง แล้วเจ๊ก็มาทำ แล้วตอนที่เจ๊ทำ เจ๊ก็ยังไม่มีเงินซื้อพวกถาดด้วยนะ เจ๊ก็ไปยืมเพื่อนมา ทุกวันนี้เพื่อนเจ๊ตายไปแล้ว ถาดยังอยู่กับเจ๊เลย”
แล้วมาขาย “หมูทอด” ได้อย่างไร?
“เจ๊ก็มาคิดว่าคนเราเป็นหนี้ เอาเวลาทิ้งไป 7-8 ชม.มันไม่ใช่แล้ว เจ๊ขายของเสร็จบ่ายโมง แล้วเจ๊กลับบ้าน กว่าเจ๊จะนอนคือ 2 ทุ่ม เจ๊คิดว่าไม่ใช่แล้ว ทิ้งเวลาไปวันหนึ่ง 7-8 ชม. เจ๊ก็คิดว่า แล้วเราจะทำอะไรต่อจากข้าวแกงนี้ดี ตอนแรกคิดว่าจะต้มน้ำเก๊กฮวย น้ำกระเจี๊ยบ แต่ไม่ได้ลงมือ มันเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ และบังเอิญว่าเจ๊ซื้อข้าวหมูทอดนี้มาให้ลูกกิน พอเปิดออกมาปุ๊บ มันมี 4 ชิ้น เจ๊บอกน้องแต้ว (ลูกคนกลาง) เลย ตอนนั้นน้องแต้วนั่งข้างๆ น้องแต้วมึงคอยดูนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะทำให้มึงดู แม่จะขายอันนี้ แล้วพอรุ่งขึ้น แม่ก็ขายข้างแกงตามปกติ แต่เจ๊ซื้อหมูมาอีก 8 โล เพื่อทอดขายต่อจากข้าวแกง พอข้าวแกงหมด เจ๊เก็บถาดไปปุ๊บ ลูกค้ามา เจ๊บอกข้าวแกงหมด เจ๊บอกน้อง รอก่อน เดี๋ยวเจ๊จะมีหมูทอดขาย ซึ่งตอนนั้นแฟนเจ๊ก็ลุกขึ้นมาช่วยเจ๊ทอด ลูกเจ๊ก่อนไปโรงเรียนต้องมาช่วยเจ๊ขายก่อน”
“หมูทอด” ช่วย “เจ๊จง” ปลดหนี้!!
“พอมาขายหมูทอด จากที่เราไม่เคยถือเงินกลับบ้านเลย เราเริ่มมีเงินกลับบ้าน เริ่มมีเงินเหลืออยู่หัวเตียง เจ๊รู้แล้วว่า เจ๊เคลียร์หนี้ได้แน่นอน เจ๊เริ่มถามแล้ว คนนี้จะเอาเจ๊ที่เท่าไหร่ 1.5 แสน โอเค เจ๊ขอผ่อนเดือนละ 5,000 คนนี้เท่าไหร่ 2 แสน โอเคขอผ่อนเดือนละ 5,000 ตั้งไว้เลย (ถาม-พอใช้หนี้หมด ความสุขในชีวิตมันเปลี่ยนไหม?) เปลี่ยน เมื่อก่อนเจ๊เคยคิดว่า โห! ทำไมความทุกข์มันเกาะอยู่ข้างเตียงวะ มันโคตรทุกข์เลย กินข้าวทั้งน้ำตา กินไม่ลง เครียดมาก เครียดแบบ ทำไมความทุกข์มันทุกข์ขนาดนี้นะ ตื่นขึ้นมา ปัญหามันไม่จบจากเรา ปัญหามันเกาะติดอยู่กับเราตลอด ทำให้เรารู้เลยว่า หนียังไงก็หนีไม่พ้น เวลาที่เกิดปัญหา มันมีอยู่ทางเดียวคือ เราต้องแก้ปัญหานั้น”
เจ๊จง ไม่เพียงเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จในการปลดหนี้ก้อนโต จนตนเองและครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้ง แต่ยังเป็นตัวอย่างของผู้ที่ปันน้ำใจให้เพื่อนร่วมสังคม ไม่ว่าจะเป็นการไปสอนอาชีพให้ผู้ต้องขังตามเรือนจำ การทำอาหารแจกบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในช่วงโควิด-19 ระบาด รวมถึงการแจกข้าวสาร และอาหารให้ประชาชนทั่วไป
การปันน้ำใจให้เพื่อนร่วมสังคมของเจ๊จง เพราะเชื่อว่า “วิกฤตทุกอย่าง เราจะหนีไปคนเดียวไม่ได้ เดินคนเดียวไม่ได้ ต้องไปด้วยกัน จับมือกัน แล้วช่วยกัน”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos