ศบค.เผยผู้ป่วยโควิดใหม่เพิ่ม 53 ราย ระบุส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว 42 รายพบจากการตรวจเชิงรุกในศูนย์กักขัง อ.สะเดา จ.สงขลา ย้ำต้องรักษาตามหลักการมนุษยธรรม
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 53 ราย หายกลับบ้านเพิ่ม 57 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดสะสมป่วยรวม 2,907 ราย กลับบ้านรวม 2,547 ราย เสียชีวิตรวม 51 ราย และยังรักษาใน รพ. 309 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 53 รายมาจาก 1.สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย 2.ไปสถานที่ชุมนุมชน 1 ราย 3.ค้นหาเชิงรุกใน จ.ยะลา 7 ราย และ 4.ศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา 42 ราย ซึ่งหากแยกเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ คือ 11 ราย สำหรับศูนย์กักขังตรวจคนเข้าเมืองฯ นั้นเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด จำนวน 42 ราย ได้แก่ พม่า 34 ราย เวียดนาม 3 ราย มาเลเซีย 2 ราย เยเมน 1 ราย กัมพูชา 1ราย อินเดีย 1 ราย ซึ่งคนเหล่านี้มาอยู่ส่วนของเราโดยวิธีการผิดกฎหมาย และดูแลในศูนย์กักขัง
ทั้งนี้ การพบในศูนย์กักขังฯ 42 ราย ดังกล่าว มาจากการทำค้นหาเชิงรุก จากนโยบายของผอ.ศบค. ที่พบว่าสิงคโปร์มีแรงงานติดเชื้อ จึงให้ทำเชิงรุกติดตามกลุ่มเสี่ยงเป็นการเฉพาะและตรวจมากขึ้น โดยเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้นไม่มีคนไทย ซึ่งเราต้องรักษาตามหลักการมนุษยธรรม ส่วนความคืบหน้า การนำคนไทยที่ตกค้างกลับจากต่างประเทศนั้น ยืนยันว่า ทุกคนที่กลับมาจะเข้าสถานกักตัวของรัฐหรือ State Quarantine ทั้งนี้ขอให้คนไทยในต่างประเทศรายงานตัวที่สถานทูต เพื่อเตรียมวางแผนการกลับมา
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในเรื่องขนส่งสินค้าบริเวณพรหมแดนช่วงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้มีการเอื้ออำนวยด้านธุรกิจการขนส่งชายแดน โดยให้จัดพื้นที่ควบคุม พื้นที่ถ่ายสินค้าเฉพาะ รวมทั้งให้มีจุดคัดกรองพร้อมมาตการเพื่อให้มีความมั่นใจและจัดที่พักกักตัวหากจำเป็น ดังนั้นถ้าไม่จำเป็น อยากให้พนักงานขนส่งสินค้าห้ามลงจากรถ ขนส่งเสร็จแล้วเลับ ขณะเดียวกันหากขนส่งสินค้าข้ามแดนแล้ว ต้องเข้ามาภายในราชอาณาจักรภายในเวลาไม่เกิน 7 ชัาวโมง
เมื่อถามว่า กรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ฃ 42 รายที่พบจากสถานกักตัวที่จ.สงขลา จะทำให้จ.สงขลามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือไม่ โฆษก ศบค. ยืนยันว่า ไม่มีความเสี่ยงแน่นอน เพราะเมื่อเรารู้อยู่ตรงไหนก็จัดพื้นที่ให้อยู่โดยมีทีมเจ้าหน้าที่สนธิกำลังดูแลเต็มที่ จึงขอให้มั่นใจ และขอขอบคุณชาวจังหวัดสงขลาที่มีเมตตาทางมนุษยธรรม แม้ไม่ใช่คนไทยแต่มีพื้นที่ให้รักษาตัวก่อนกลับประเทศ ถือเป็นการทำบุญต่อชีวิตของคนที่เรากำลังทำร่วมกัน
ส่วน กรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นวันนี้ จะมีผลต่อการพิจารณาผ่อนปรนในพื้นที่จ.สงขลาหรือภาพรวมทั้งประเทศหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความเป็นจริง และอย่าลืมว่าในประเทศสิงคโปร์ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากหลักพันเป็นหลักหมื่นก็เกิดจากการแพร่กระจายจากแรงงานต่างชาติ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในไทย จึงต้องเรียนรู้สถานการณ์จากต่างประเทศ เมื่อรู้แล้วรีบรักษา โดยเปิดเผยตัวเลขตามความเป็นจริงไม่มีปกปิดก็จะดูแลได้ทันการณ์
พ.ทวีศิลป์ ยังฝากถึงประชาชนว่า ชีวิตวิถีใหม่ เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทั้งโลก ซึ่งวันนี้ ตนปลื้มใจดีที่เห็นประชาชนทั่วไปใส่หน้ากากอนามัยเกือบ 100% ต้องขอบคุณทุกคนอย่างสูง ที่ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อดูแลปกป้องตัวเอง
