รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “พี่เจิด” เจ้าของร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” ที่นครปฐม พร้อมทีมงานจิตอาสานับร้อยชีวิต ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้นักศึกษา-ประชาชน ได้อิ่มท้องกับอาหารอร่อยราคาถูก-คุณภาพดี แถมใครไม่มีสตางค์ ก็ทานฟรีได้
พี่เจิด หรือบรรเจิด นวลเอี่ยม อดีตพนักงานธนาคาร ที่เคยคิดว่า ความสุขของชีวิตคือ เงินตรา จึงใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ และใช้เงินนั้นซื้อหาความสุขให้ตนเอง
“เมื่อก่อนจบมหาวิทยาลัยมา ก็ทำงานประจำ ทำอยู่ที่แบงก์กรุงศรีฯ สำนักงานใหญ่ ...หลายๆ อย่างที่เราเคยใช้ชีวิตแบบฟุ้งเฟ้อ ทำงาน 5 วัน เที่ยวทุกเย็น กินเหล้า เที่ยว ตอนนั้นเราไม่เคยฟังในหลวง ร.9 เลย พอเพียง ค้านในใจเลย พอเพียงไปทำไม ในน้ำก็มีปลา ในนาก็มีข้าว เดินไปร้านอาหารจะกินอะไรก็ได้ เดินไปในซูเปอร์มาร์เก็ตก็สมบูรณ์มาก หน้าทุเรียนจะกินเท่าไหร่ก็ได้ โลละกี่ตังค์เอง อยากรวย อยากหล่อ ก็ซื้อทองใส่ เลสเป็นโซ่หมานะ ใส่ที่แขน 20 บาท ที่คอก็ 20 บาท แหวนเต็มไปหมดเลย เป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ เราคิดว่านั่นคือสวรรค์นะ”
เงินตราทำให้ “พี่เจิด” มีความสุขได้ไม่นาน ในที่สุดก็รู้ว่า “นรก” มีจริง หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40
“หลังจากปี 40 รู้เลยว่านรกมีจริง (ถาม-เกิดอะไรขึ้น?) ฟองสบู่แตก ทรัสต์ล้ม แบงก์ลดดอกบี้ย เงินเดือน เพื่อให้หลายๆ คนอยู่ได้ คนไหนมีประสิทธิภาพในการทำงาน เขาก็จ้างต่อ คนไหนไม่มีประสิทธิภาพ หรือหน่วยงานไหนไม่ทำรายได้ให้แบงก์ เขาก็ไล่ออก (ถาม-พี่โดนไล่ออกเลยเหรอ?) ผมไม่ได้โดนไล่ออก แต่มีผลกระทบ เพราะตอนนั้นผมไปเล่นหุ้นด้วย ก็โดนไปหลายล้าน ตอนหลังเออร์ลี่ออกมาก็ทำธุรกิจส่วนตัว จัดสวน และขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน คอนโดฯ ตอนนั้นธุรกิจที่ดิน บ้าน บูมมาก (ถาม-ตอนออกจากแบงก์ ชีวิตยังฟุ้งเฟ้อมีความสุขเหมือนเดิมไหม?) ชีวิตมีระเบียบ มีการเก็บเงิน มีการแบ่งว่าเงินนี้ต้องใช้ทำอะไร ชีวิตเริ่มมีการวางแผน เราเริ่มเห็นแล้วว่า ชีวิตไม่แน่นอน ไม่มีอะไรแน่นอน”
จากหนุ่มแบงก์ เจอฟองสบู่แตก หันมาทำธุรกิจ แล้วมาเริ่มชีวิต “จิตอาสา” จนเปิดร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” ได้อย่างไร?
“มาเข้าวงการเรื่องอาหาร จริงๆ เข้ามานานแล้ว โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นคนดึงเข้ามา จริงๆ เราทำกันมาร่วม 20 ปี ตั้งแต่น้ำท่วม ภัยแล้ง ทำอาหารเลี้ยงคนที่เขาขอมา รวมถึงพระบรมศพของในหลวง ร.9 จนทุกคนมีฝีมือ ใครเก่งด้านไหน ก็ทำด้านนั้นไป เรียกว่ามดงาน เราแบ่งงานกันทำ ทำเป็นทีม กระทั่งวันหนึ่งได้ไปกินบุฟเฟต์ เราก็เอ๊ะ ทำไมคนเยอะจัง ไปกินที่กำแพงแสน กินข้าวราดแกง กินหัวละ 50 บาท ...คนเยอะ เราเลยถาม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำไมมากินอย่างนี้ เขาบอกตอนนี้ค่าครองชีพสูง ลูกก็เรียน ต้องส่งลูกด้วย ต้องส่งค่าต่างๆ ถ้าเรากินบุฟเฟต์ เรากิน 2-3 จาน เราอยู่ได้วันหนึ่ง ตอนบ่าย หิวก็กินน้ำไปหน่อย ย่อยไม่หมด ก็ย่อยต่ออะไรอย่างนี้”
เพราะเคย “อดอยาก” จึงรู้ “ไม่มีกิน” เป็นอย่างไร?
“ตอนเด็กๆ บ้านอยู่นนทบุรี หลังๆ เขาทำเป็นที่ผ่านน้ำ น้ำท่วมตลอด อดอยาก วันหนึ่งไม่มีจะกิน เลยเข้าใจเลยว่า ไม่มีข้าวกินเป็นอย่างไร อารมณ์นั้นเราเจอมาหมดแล้ว เราร้องไห้ (ถาม-เหมือนเรารู้ว่าเวลาที่ลำบากเป็นอย่างไร? อย่างที่บอกว่า รสชาติตอนนั้นมันรุนแรงมาก และขมขื่นมาก มันอธิบายได้ยากเนอะ เราหลายคนจิตอาสาเลยบอกว่าเราต้องการทำบุฟเฟต์เนอะ เพื่อให้หลายๆ คนที่เขาลำบาก ที่เคยเป็นเหมือนเรามาก่อน ให้เขาได้ทาน”
ประเดิม “บุฟเฟต์ 30 บาท” ก่อนจะเป็น “อิ่มจัง 10 บาท”
“เพราะหลายคนบอกว่า ค่าครองชีพสูง เราก็อยากจะช่วยเขา เช่น ผู้ปกครองของนักศึกษา ป้าๆ หรือเด็กๆ ที่ไมได้ทานอาหารกัน พวกเราเลยคุยกันว่า เราจะเปิดร้านข้าวแกงเนอะ บุฟเฟต์ เราตั้ง 30 บาท ขายไปได้ 10 กว่าวัน 30 บาทก็ไม่เวิร์คเท่าไหร่ คนก็กินบ้างไม่กินบ้าง เราก็คุยกันว่า เราจะช่วยเขา เราจะถวายในหลวง ร.10 ด้วย เราเลยตั้งราคาที่ 10 บาท ขายวันแรก มีคนเอาเหรียญสลึง ห้าสิบสตางค์ 10 บาท เหรียญห้า มาให้เต็มไปหมดเลย คิดว่าเขาแฮปปี้ 10 บาท ใครก็กินได้”
“แต่เราก็จะทำให้ดีกว่าคนอื่น เรามีทั้งขนมจีน ทั้งข้าวราดแกง ข้าวไม่ใช่ข้าวที่เป็นข้าวปกติ เป็นข้าวที่ดีด้วย ถามว่าดียังไง คนที่อายุเยอะ มือเท้าชอบชา เลือดไม่ค่อยเดิน เป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ผสมข้าวหอมปทุม รวมถึงหลายๆ อย่าง คือน้ำ ไม่ใช่น้ำคูลเลอร์ เป็นน้ำถ้วย ถ้าเราซื้อคือถ้วยละ 5 บาท แต่ในร้านกินเท่าไหร่ก็กินเลย และยังมีขนมหวาน แกงบวดมัน กล้วยบวชชี ฟักทองแกงบวด ผลไม้วันนี้ฝรั่ง แตงโม มะละกอ เราไม่ได้มีแค่นิดหน่อย เราจะมีอย่างนี้ที่เห็น” บรรเจิด นวลเอี่ยม (พี่เจิด) จิตอาสาเจ้าของร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” พูดถึงประเภทของอาหารในร้าน
เปิดที่มา “กำไรบุญ ขาดทุนตังค์” สโลแกนของร้าน
“หัวใจของพวกเราทุกคนที่ยึดเหนี่ยวกันมา เรียกว่า ทุกคนต้องมีในใจเลย คำว่า ขาดทุนคือกำไร เป็นพระราชดำรัสของในหลวง ร.9 หลายคนบอกว่า ขาดทุนคืออะไร ผมขยายความนิดหนึ่ง ในหลวงทรงงานหนัก ทรงเพื่ออะไร ท่านไม่ได้ค่าจ้างเลย ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ต้องทำก็ได้ น้ำท่วมท่านก็ออกไปลุยน้ำ เมื่อแล้ง ไม่มีน้ำใช้ ท่านให้ทำฝายน้ำล้นไว้ นั่นคือในหลวงท่านทรงทำให้เราเห็นว่า ท่านทรงงานหนัก พระราชดำรัสของท่าน ขาดทุนคือกำไร พวกเราเลยนำพระราชดำรัสของท่านมาใช้ “มันก็เลยย้อนกลับมาตรงสโลแกนว่า ขาดทุนที่เราทำทุกวัน เลยกลายเป็น กำไรบุญ แต่ขาดทุนสตางค์ มันตีค่าไม่ได้ มันเป็นอริยทรัพย์ภายใน ที่โจรปล้นก็เอาไปไม่ได้ น้ำท่วมก็เอาไปไม่ได้ ไฟไหม้ก็เอาไปไม่ได้”
เคยถูกสบประมาท ร้าน “อิ่มจัง 10 บาท” จะอยู่ได้ไม่นาน!!
“วันที่เปิดวันแรก หลายคนบอกว่า คงอยู่ได้แค่ 7 วัน พอผ่านไป 7 วัน ร้านยังอยู่ได้ เขาบอกให้อีกเดือนเดียวก็ไปแล้ว”
แต่ในที่สุด ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” ของพี่เจิดและทีมงานจิตอาสา ไม่เพียงลบคำสบประมาทได้ ด้วยการอยู่มานานถึง 8 เดือนแล้ว แต่ยังขยายสาขาเพิ่มเป็น 4 สาขาด้วย ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้นักศึกษา ประชาชน รวมถึงผู้ใช้แรงงาน ทั้งคนไทย ต่างด้าว และชาวไทยภูเขาอีกจำนวนมาก
“เปิด 7 โมงเช้า มี 4 สาขา สาขา 1 โรงเจหอคุณธรรมฟ้า กำแพงแสน ติดกับวัดอ้อน้อย สาขา 2 ม.ศิลปากร นครปฐม อยู่ถนนทรงพล สี่แยกสนามจันทร์ สาขา 3 อยู่ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ฝั่งตรงข้ามเกษตรฯ เลย สาขา 4 เปิด 3 โมงเย็น 3 สาขานั้น เปิด 7 โมงเช้า จนกว่าอาหารจะหมด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเที่ยง สาขา 4 อยู่ที่อ้อมใหญ่ โรงงานไวไว ตรงนั้นถามว่า ไปเปิดทำไม? มีคนถามเยอะ เพราะมีคนมาขออิ่มจังบอกว่า ที่นั่นมีคนงานประมาณ 4,000 คน 4,000 คนนี่ไม่ใช่คนไทยหมดนะ มีคนบนภูเขา มีพม่า มีมอญ บางคนพูดไทยไม่ได้ ถามว่าไปช่วยเขาทำไม? เขากินรายวัน คำว่ากินรายวันหมายถึง วันไหนโรงงานมีงาน ก็เรียกเขาไปทำ วันไหนไม่มีงาน ก็บอกเขาว่าไม่ต้องมา ไม่มีงานทำ”
แม้ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ของพี่เจิดและทีมงานจิตอาสา จะราคาแสนถูกแล้ว เพียงอิ่มละ 10 บาท แต่หากลูกค้าคนใดยากไร้ ไม่มีสตางค์ ทางร้านก็พร้อมให้ทานฟรี นอกจากนี้ยังมีการเปิดโรงทานแจกอาหารฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชนอีกด้วย
หลายคนยกย่องร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” เป็น “ภัตตาคารคนจน” เพราะไม่เพียงอาหารจะราคาถูก แต่ยังอร่อยและคุณภาพดีอีกด้วย
“มีคนเรียกที่นี่ว่า ภัตตาคารคนจน เราได้ยินน้ำตาเราจะไหล …อุดมการณ์ตรงนี้คือ ขาดทุนคือกำไร ขาดทุนคือ เราขาดทุนทั้งเวลา ทั้งเงิน การนอน นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง ทำวันละ 18 ชั่วโมง ถามว่าได้อะไร สิ่งที่ได้ตรงนั้นคือ กำไรที่บอกว่า มันมหาศาล กำไรตรงนี้ กำไรที่ใจ”
“พี่เจิด” ขอบคุณทีมงานจิตอาสาทุกคนนับร้อยชีวิตที่ร่วมทุ่มเท เพื่อให้ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “อิ่มจัง 10 บาท” อยู่ช่วยประชาชนมาได้ 8 เดือนแล้ว
“อยากขอบคุณทีมงานทุกคน ทุกวันนี้ไม่ใช่บรรเจิดคนเดียวนะที่สำเร็จ หลายๆ คนที่เป็นทีมงานทั้งหมด ทั้งที่ไม่ได้ออกสื่อ ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ที่อยู่ที่โรงครัว หั่นผัก หุงข้าว รวมถึงคนที่ล้างจานข้างหลัง ผมบรรเจิดกราบแทบเท้าทุกคนนะครับ และกราบหลวงปู่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่พุทธะอิสระ และมูลนิธิธรรมอิสระ ถ้าไม่มีหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่มีมูลนิธิ ไม่สำเร็จถึงวันนี้หรอก 8 เดือนแล้ว 8 เดือนที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ตื่นมาทำงานกัน 18 ชม.(พักผ่อนวันละ 3-4 ชม.) โดยไม่ได้มุ่งหวังอะไร อย่างแรกที่เราต้องการคือ บุญ และตอบแทนคุณแผ่นดิน ทำถวายในหลวง นี่แหละสิ่งที่ยิ่งใหญ่”
“พี่เจิด” ทิ้งท้ายด้วยว่า “เราอยากบอกว่า ที่ไหนอดอยาก มาที่นี่ อิ่มจัง 10 บาท ช่วยคุณได้”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบ ฅนจริงใจไม่ท้อ
https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos