ประชาชนแห่จำนำของคึกคัก หลังไม่ได้ประกอบอาชีพ ตกงาน ขาดรายได้ จากสถานการณ์โควิด
ที่สถานธนานุบาล (โรงรับจำนำ) เทศบาลนครตรัง ได้มีประชาชนจำนวนมากนำทรัพย์สินหลากหลายประเภท ทั้งทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทำการเกษตร โดยเฉพาะหากเป็นทองคำจะเพียงชิ้นเล็กๆ เท่านั้น เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกือบทุกสาขาอาชีพไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ หรือบางรายต้องตกงาน ไม่มีรายได้
นายประสาท พุทธาไฝ ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา ทางสถานธนานุบาลเทศบาลนครตรัง ได้ขยายเวลาทรัพย์รับจำนำทรัพย์ จากระยะเวลา 4 เดือน 30 วัน เป็น 5 เดือน 30 วัน หรือประมาณ 6 เดือน และในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทางสถานธนานุบาลยังได้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาเดือดร้อน คือ ทรัพย์จำนำเงินต้นไม่เกิน 5000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.25 บาทต่อเดือน ทรัพย์จำนำเงินต้นเกิน 5000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.0 บาทต่อเดือน ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยทรัพย์รับจำนำเงินต้น ไม่เกิน 5000 บาทนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มีทรัพย์สินชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ให้มีภาระดอกเบี้ยที่ต่ำ
ทั้งนี้ ช่วงวิกฤตโรคโควิด-19 ทางเทศบาลนครตรัง ได้เตรียมเงินไว้สำหรับรับจำนำบริการประชาชน จำนวน 130 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้มีประชาชนนำทรัพย์สินต่างเข้ามาจำนำหลากหลาย เช่น เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา และทองรูปพรรณ โดยพฤติกรรมการจำนำเปลี่ยนไปจากเดิม ที่เคยนำทรัพย์สินชิ้นใหญ่ หรือมูลค่าสูง มาจำนำ แต่ขณะนี้เปลี่ยนเป็นทรัพย์ขนาดเล็ก หรือมูลค่าน้อย มาจำนำ คงเป็นเพราะแต่ละครอบครัวประสบปัญหาเดือดร้อน เช่น จากเดิมนำทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 1-2 บาท เป็นการจำนำทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก ครึ่งสลึงถึง 1 บาท เป็นต้น
ขณะเดียวกันพบว่า ยังมีประชาชนบางส่วนเดินทางมาไถ่ถอนทรัพย์จำนำประเภททองคำ เพราะไม่อยากแบกรับภาระดอกเบี้ย บวกกับช่วงนี้ราคาทองคำในตลาดมีราคาสูง จึงไถ่ถอนเพื่อนำไปขายต่อ จะได้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ทางสถานธนานุบาลเทศบาลนครตรัง ยินดีช่วยเหลือประชาชนทุกคน แม้จะเป็นเงินเพียงน้อยนิดที่ได้ไป เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ในการดำรงชีพช่วงวิกฤตครั้งนี้
