ส่งออกไทยเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 4.17% กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หลังสงครามการค้าคลี่คลาย จับตาราคาน้ำมันร่วงแรง น่าห่วงกว่าปัญหาโควิด-19
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือ สนค.รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนมีนาคม 2563 พบว่า การส่งออก มีมูลค่า 22,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.17% เป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน ตามการขยายตัวของสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ส่วนภาพรวมส่งออกไป 3 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่า 62,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 0.91%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค. บอกว่า ปัญหาโควิด-19 ทำให้นักลงทุนหลายประเทศเริ่มกระจายความเสี่ยง กลับมาสั่งซื้อสินค้า และใช้ไทยเป็นฐานผลิตวัตถุดิบมากขึ้น ทำให้สินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และผลดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า เฉลี่ยอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็ส่งผลให้รายได้ส่งออกเพิ่มขึ้น
ผู้อำนวยการ สนค. บอกว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการส่งออกในหลายตลาด เช่น จีน ยุโรป ตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันปัจจัยนี้ ส่งผลดีต่อไทยด้วย เพราะหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ กระจายความเสี่ยง หันมานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหาร ทั้งอาหารแช่แข็ง ,อาหารแปรรูป ,อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
ผู้อำนวยการ สนค. ยอมรับว่า กังวลปัจจัยราคาน้ำมันที่ร่วงแรง จนติดลบเป็นครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดนิวยอร์ค จะกระทบสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน
ทำให้กระทรวงพาณิชย์ ต้องปรับสมมุติฐานปัจจัยราคาน้ำมัน โดยประเมินว่าปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 30-40 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล จากเดิมคาดไว้ที่เฉลี่ย 50-60 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล แต่หากมองในแง่บวก ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง จะส่งผลดีค่าโดยสาร ,ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ
ส่วนการนำเข้าเดือนมีนาคม มีมูลค่า 20,813 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 7.25% ,ส่วนยอดรวมนำเข้า 3เดือนแรกปีนี้ มูลค่า 58,738 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 1.92% ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ ไทยเกินดุลการค้า 3,934 ล้านดอลลาร์ฯ
สนค.ประเมินว่า หากจะให้การส่งออกของไทยทั้งปี 2563 ขยายตัว 0% ไม่ติดลบ ไทยต้องส่งออกเฉลี่ย 20,598 ล้านดอลลาร์ฯต่อเดือน ,หากต้องการให้โต 2% ไทยต้องส่งออกเฉลี่ย 21,000 ล้านดอลาร์ฯต่อเดือน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุก ,ให้คำแนะนำเรื่องการส่งออก หรือ Online export clinic ,หาช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าไทย และจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือ Online business matching ตลอดจนให้คำแนะนำด้านการขยายตลาดส่งออกในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางและการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้ส่งออกไทยคลายความกังวลในการหาตลาดส่งออกในระยะต่อไป
