รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “น้องต๋อง” วัยแค่ 10 ขวบ แต่ช่วยย่าด้วยการขี่จักรยานพ่วงข้างไปขายผักที่ตลาดทุกวัน แม้น้องจะมีภาวะสมาธิสั้น แต่ก็ขายของและดูแลตัวเองได้ ทำไมต๋องกับวัยแค่นี้ ต้องทำงานขนาดนี้ ต๋องบอกว่า ต๋องสงสารย่า
“ต๋อง” หรือ ด.ช.จาฏุพัจน์ ชีช้าง วัย 10 ขวบ อาศัยอยู่กับย่าวรรณีย์ ชีช้าง วัย 56 ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งก่อนหน้านี้ ย่ามีอาชีพเช่าแผงค้าขายผักในตลาดระโนด ก่อนเปลี่ยนมาใช้รถเข็นเร่ขายผักแทน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งผักที่นำไปขายส่วนใหญ่ เป็นผักที่ปลูกเอง
ในวันที่ร่างกายของย่าเริ่มถดถอย บวกการที่ย่าต้องคอยดูแลทวด พ่อของสามี วัย 96 ปี ต๋องจึงอาสาขี่จักรยานพ่วงข้างไปขายผักที่ตลาดระโนดแทน ซึ่งต๋องช่วยย่าแบบนี้มา 2 ปีแล้ว
“ทุกวันเลย น้องขยัน ตื่นแต่เช้า ตี 5 ก็ออกมาขายผักแล้ว พอสัก 7 โมงครึ่งก็อาบน้ำไปโรงเรียน ช่วงบ่ายก็ไปขายที่ตลาดนัด กลับก็ตี 7 ตี 8 หัวค่ำ ย่าเขาออกไปรับ” ชาวบ้านตลาดระโนดพูดถึงความขยันของต๋อง
ย่าเตรียมของ เพื่อให้ต๋องไปขาย
“ต้มโจ๊ก ข้าวต้มกินกับปลาทอด ขายเป็นชุด ผักบุ้งวันนี้ ย่าปลูกไม่ได้ เพราะน้ำคลองมันเค็ม ย่าก็ซื้อผักเพื่อนมา แล้วเอามาผสมกับของตัวเอง บางทีย่าหั่นหยวกกล้วยไปขาย 3 ถุง 10 บาท และมีกล้วย ทำน้ำพริก มีชะอมชุบไข่ทอด มีอะไรในสวน ก็เอามาประดิษฐ์ได้เป็นตังค์หมด”
แม้ต๋องจะเป็นเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น แต่น้องก็ขายของเป็น และดูแลตัวเองได้
“ต๋องมีสมาธิสั้น ย่าพาไปหาหมอตอนเล็กๆ หมอบอกเป็นเด็กที่อยู่นิ่งไม่ได้ ครูยังบอกเลยว่า ลูกเธอสมาธิสั้น ย่าก็พาไปหาหมอ เมื่อก่อนยังเล็กๆ อนุบาล 1 ต๋องเป็นคนไม่ชอบพูดแรง พูดเรียกไอ้เรียกอีนี่ไม่ชอบ (ถาม-เราเลี้ยงดูยากไหม?) ไม่ยากเลย อยู่ตลาด ย่าก็บอกให้ต๋องเก็บตังค์เองเลยลูก ย่าจะฝึกเรื่องขายของ เรื่องหาตังค์ เขาจะซื้ออะไรซื้อกินเอง ย่าไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน เขากินเสร็จ”
“(ถาม-ต๋องเคยทำตังค์หายไหม?) ย่าก็ไม่เคยรู้ เพราะย่าไม่เคยนับสินค้าที่ย่าเอาไป ขายได้ก็ขาย ใครจะเอาก็เอาไปเถอะ นึกว่าเขาลำบากกว่าเรา มีคนที่ซื้อ 2-3 อย่าง จ่ายอย่างเดียว เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร แม่ค้าแถวนั้นก็บอก ต๋องไม่สนใจ เวลาคนซื้อของ ได้ตังค์บ้างไม่ได้บ้าง บอกช่างมันเถอะ เราจะไปเครียดซีเรียสอะไรนักหนา”
“ต๋อง” บอก ที่ออกไปขายผัก เพราะสงสาร “ย่า”
(ถาม-ต้องตื่นเช้าไปขายผักทุกวัน ง่วงไหม?) บางวันก็ง่วง บางวันก็ไม่ง่วง (ถาม-ขายหมดไหม?) บางวันก็หมด บางวันก็ไม่หมด (ถาม-เราทำงานเหนื่อยไหม?) ไม่ (ถาม-ทำไมต๋องมาช่วยย่าขายของ?) สงสารย่า (ถาม-เงินที่ได้เราเอาไปทำอะไร?) ไปซื้อของขายต่อ”
แม้ต๋องจะไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่น้องก็ไม่มีโอกาสเจอแม่มา 7 ปีแล้ว
“(ถาม-น้องมาอยู่กับย่าตั้งแต่เมื่อไหร่?) 7 เดือน เมื่อก่อนพ่อแม่ต๋องเขาทำงานอยู่บางบอน อยู่โรงเหล็ก ย่าไปรับเอาหลานมา รับมาได้สักพัก เขาเป็นห่วงหลาน เขาก็มาเอาลูกกลับไปอีก ไปอยู่ 2-3 เดือนได้ เขาคงไม่มีรายได้ ถ้ามีลูกอ่อน เขาคงคิดได้ เอาลูกมาให้ย่า ย่าบอกว่าดีแล้ว ไปเถอะลูกเอ๊ย ไปหากิน ถ้าเอาลูกไป ไม่มีทางทำมาหากินได้ แล้วเขาก็เงียบหายไปเลย 7 ปี”
ย่า ยืนยัน ไม่โกรธที่แม่ต๋องหายเงียบไป หลังไปทำงานต่างประเทศ แต่เป็นห่วงมากกว่า และทุกครั้งที่แม่ต๋องจะโอนเงินให้ย่าและต๋อง ย่าจะปฏิเสธ เพื่อให้เงินนั้นโอนเข้าบัญชีต๋องมากกว่า
หลังเห็นข่าวว่า ต๋องต้องขี่จักรยานพ่วงข้างไปขายผักที่ตลาด แม่ต๋องได้กลับจากต่างประเทศ และมาเยี่ยมลูก
“เขาจำแม่ไม่ได้ ร้องทั้งแม่ ลูก และย่าด้วย เขาก็ประสาเด็ก เห็นแม่ก็ดีใจ” ย่าต๋องย้อนภาพนาทีที่แม่-ลูกได้เจอกัน
แม่ต๋อง ยอมรับ สงสารลูก แต่รับปากไม่ได้ว่าจะกลับมาอยู่ด้วย
“(ถาม-ไม่เจอต๋องนานหรือยัง?) ถ้าไม่ได้เจอ ตั้งแต่เขา 2 ปี (ถาม-ตอนที่เราฝากลูกให้ย่าเลี้ยง รู้สึกอย่างไร?) เสียใจ แต่บางทีก็คิดว่า เราเลือกตรงนี้ให้ลูกดีแล้วนะ ถ้าไปอยู่กับพี่ เขาอาจจะลำบาก เขาอาจจะไม่ได้แบบแม่ (ถามตอนนั้นเราตัดสินใจยากไหม?) มันมีปัญหาหลายอย่าง เหนื่อยด้วย พอได้ทราบข่าวแล้ว ก็ติดต่ออยู่ (ถาม-เป็นอย่างไรบ้างได้คุยกับลูก?) ได้รู้ว่าเขาเก่ง ถ้าอยู่กับพี่ เขาอาจจะ ไม่ถึงขนาดนี้ (ถาม-ต๋องได้คุยกับแม่บ้างไหม?) ก็ถามว่า แม่กลับมาอยู่กับต๋องไหม ตอบลูกไม่ได้ว่าจะกลับมาอยู่ได้ไหม แต่ถามว่า สงสารเขาไหม สงสาร เด็กวัยอย่างเขา มันไม่ต้องทำหน้าที่ถึงขนาดนี้” สายฝน ทรัพย์พิพัฒน์ แม่ต๋อง
แม่ต๋องมองอนาคต อยากมีร้านเล็กๆ อยู่กับลูก
“(ถาม-เราไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับลูก เขามีปฏิกิริยาอย่างไร?) บางทีเราจะกลับหรือไปไหน เขาจะบอกว่า ทำไมแม่ต้องไปเร็ว? ทำไม? เข้าใจว่าเขาอยากให้อยู่ (ถาม-แล้วบอกเขาว่าอย่างไร?) แม่ต้องไปทำธุระ อธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็เข้าใจ (ถาม-ตั้งใจอนาคตไว้อย่างไรกับต๋อง?) อยากมีร้านเล็กๆ อยู่กับเขา อยากเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดไป (ถาม-มีอะไรอยากบอกย่าต๋องไหม?) แม่ก็เป็นคนขยัน แกดีทุกอย่าง รักแม่”
ไม่ว่าต๋องจะมีวันที่แม่กลับมาอยู่ด้วยหรือไม่ แต่วันนี้ ต๋องยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับย่า ที่รักต๋องดังดวงใจ และต๋องก็รักย่าเหมือนแม่คนหนึ่ง จึงเรียกย่าว่า แม่
“ถามว่า ต๋องรักย่าไหม? ไม่ต้องห่วง ถ้ากลับมาจากตลาด ถ้าไม่เห็น จะเรียก ไม่ได้เรียกย่านะ เรียกแม่ บางทีย่าแกล้ง ลงคลองไปเก็บหอย ย่าจะไม่ขาน เขาเรียกอยู่นั่น กลัวย่าจะทิ้งเขา”
“(ถาม-อนาคตเราอยากให้ต๋องอยู่ที่นี่?) ย่าอยากให้อยู่บ้านนี้ ไม่อยากให้ไปอยู่ไหน เผื่อย่าจะฝากฝีฝากไข้เขาได้ (ถาม-อยากให้เขาทำงานอะไร เป็นพ่อค้า?) ไม่อยากให้เป็นพ่อค้า มันเหนื่อย ย่าเป็นมาก่อนย่ารู้ อยากให้เป็นราชการ”
ย่าห่วงหลาน พยายามเก็บตังค์ไว้ให้ต๋องได้เรียนได้ใช้ในวันที่ไม่มีย่าแล้ว
“(ถาม-ทุกวันนี้ถ้าไม่มีต๋อง?) ย่าไม่อยู่บ้านหรอก ย่าคงไปอยู่ทำงานในเมือง เป็นแม่บ้าน ได้เดือนละหมื่นครึ่งหมื่นก็ยังดี (ถาม-ถ้าต๋องไม่มีย่า จะเป็นอย่างไร?) ถ้าต๋องไม่มีย่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องจะอยู่ยังไง ไม่รู้ว่าแม่จะพาไปอยู่แบบไหน แต่คิดว่าหลานย่าคงไปลำบากแน่ๆ เลย ย่าเลยเก็บตังค์ไว้ให้น้องต๋อง ถ้าย่าตาย หลานได้มีเงินเรียนหนังสือ”
ย่าเคยถามต๋องว่า ถ้าย่าไม่อยู่แล้ว ต๋องจะอยู่ได้ไหม?
“ถ้าวันนี้ย่าตาย ต๋องทำอะไรกินได้ไหม ช่วยตัวเองได้ไหม อ๋อ ย่าไม่ต้องห่วงหรอก เขามาส่งผัก ต๋องก็ไปขาย ไม่ต้องกลัว ต๋องก็ซื้อผักเหมือนที่ย่าซื้อผักเขา แล้วต๋องก็เอากำไร”
แม้คำตอบของต๋อง จะฉายแววเป็นพ่อค้าได้ในอนาคต แต่นั่นก็ไม่ใช่อาชีพที่ย่าอยากให้ต๋องเป็น เพราะไม่อยากให้หลานเหนื่อย เหมือนที่ย่าเหนื่อยมาก่อน ส่วนต๋องจะมีอาชีพข้าราชการดังใจฝันของย่าหรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือต๋องและย่าวรรณีย์ หรือสนับสนุนทุนการศึกษา สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาระโนด ชื่อบัญชี นางวรรณีย์ ชีช้าง เลขที่บัญชี 983-0-77469-4
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos