“บิ๊กตู่”ยังไม่ล็อคดาวน์กทม.เพราะต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย ย้ำขอเวลา 1 เดือนประเมิณพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม.ถึงการติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยังพบผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จนมีเสียงให้เพิ่มมาตการควบคุมเข้นข้นขึ้นว่า การปรับมาตรการต่างๆนั้น ได้ให้กระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบตามกฎหมายและกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการห้ามประชาชนเข้า -ออกในพื้นที่หรือจังหวัดที่มีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการปิดในหลายสถานที่ การ ห้ามขายสุรา ห้ามเล่นกีฬา โดยเฉพาะเรื่องพนัน ที่จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในทุกพื้นที่
สำหรับการเดินทางออกนอกจังหวัดหรือนอกเขต แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้หลายคนก็เป็นห่วงอยากให้มีการสั่งปิด( ล็อคดาว์นกรุงเทพ) นั้น สิ่งเหล่านี้เราต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย จึงให้ทุกคนดูแลตัวเองเป็นหลัก อย่าไปพื้นที่แออัด และรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
ทั้งนี้ นายกฯยังกล่าวถึง การพิจารณาการประเมินผลพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า มีการประเมินผลการทำงานทุกสัปดาห์อยู่แล้วในการประชุมครม.หรือการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศบค.ซึ่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมาย จะใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ตนให้ประเมิน 1 เดือนแรกก่อน ถ้าจำเป็นก็ต่อไปเดือนที่ 2 เดือนที่ 3 โดยมาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน เว้นแต่ให้ไปพิจารณาว่าอะไรทำแล้วได้ผลและดีขึ้น
นายกฯ ยังกล่าวในช่วงท้ายว่า มีความห่วงใยพระสงฆ์ในวัดต่างๆ และอยากเน้นย้ำในมาตรการด้านการทำบุญ เช่น การสวดมนต์ ต้องมีการเว้นระยะห่างและกำหนดจำนวน รวมถึงกำหนดวิธีการทำบุญต่าง ๆ ให้เหมาะสม ทั้งการใส่บาตร และจัดโรงทาน เป็นต้น
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5,000 บาท นั้น ได้ให้กระทรวงการคลังไปทำความเข้าใจ ว่า ภายหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะต้องผ่านการคัดกรองจากระบบ AI เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนจะมีการยืนยันและจ่ายเงินเข้าระบบ จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับเงินเยียวยา ดังนั้นขอให้ตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองให้ดี ขอให้ทุกคนเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน ขออย่าตัดโอกาสผู้ที่ลำบากจริง ๆ ส่วนบุคคลกลุ่มอื่น รัฐบาลจะเร่งหามาตรการมาดูแลยาวเพิ่มเติมในระยะที่ 3 และ ระยะที่4 ต่อไป โดยรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณปี 2563 และงบประมาณจากภายนอกตามพระราชบัญญัติเงินกู้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบัน ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทุกคน ด้วยความรัก ด้วยความห่วงใย จากนายกรัฐมนตรีจากรัฐบาลทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ขอให้ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด
