ศอบ.ห่วงยอดผู้ป่วยใหม่กทม.ยังสูง ขอคนในพื้นที่ร่วมมือลดออกจากบ้าน ย้ำรัฐพร้อมใช้งบกลางสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์เต็มที่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ (31 มี.ค.) ว่า ในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 127 ราย จำนวนผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย เสียชีวิต เพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 48 ปี อาชีพนักดนตรี ทำงานที่กรุงเทพ มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานและโรคมะเร็ง โดยหลังจากที่กลับภูมิลำเนาทางภาคอีสาน แล้วได้เข้ารับการรักษา ซึ่งพบว่ามีปอดอักเสบ อาการรุนแรงขึ้นจนระบบการหายใจล้มเหลว ติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ในส่วนตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 127 ราย เมื่อเทียบกับตัวเลขช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็พึงพอใจระดับนึง แต่ไม่นิ่งนอนใจ ต้องติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะกทม.และนนทบุรี ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังคงมากอยู่ ซึ่งบ่งบอกว่าต้องทำอะไรมากกว่านี้หรือไม่ การออกมาท้องถนนจำนวนมาก ต้องจำเป็นจริงๆ ที่ต้องออกมาก การเจอกันต้องมีระยะห่างกว่า 2 เมตร เพราะ กทม.และปริมณฑลมีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ในทางระบาดวิทยาสามารถเป็นพาหะโรคและรังโรคได้ ต้องขอความร่วมมือให้ลดการออกจากบ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรค
นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงคำถามเรื่องการใช้งบฯกลางใช้ในการช่วยเหลือวิกฤตโควิด-19 ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า มีการใช้งบโดยเพิ่มค่าตอบแทนบุคลากรทางการเพทย์ จัดซื้ออุปกรณ์ ทำโรงพยาบาลสนาม ขณะเดียวกัน ยังปลดล็อคการจัดซื้อจัดจ้างในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
ในช่วงสุดท้ายของการแถลงข่าววันนี้ โฆษกศอบ.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณสื่อโซเชี่ยลที่มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างปรากฏการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมเวลา 20:00 น.ผ่านมา ที่มีการนัดหมายของประชาชนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วยการปรบมือให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่“เพจอีเจี๊ยบเลียบด่วน” โพสต์ข้อความเตือนว่า พรุ่งนี้วันที่ 1 เมษา April Fools’ Day จะมีคนโพสต์เรื่องโกหกทุกปี ขออย่าโกหกในเรื่องไวรัสโควิด-19 ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีโทษหนักกว่าปกติ เพราะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าเป็นการเตือนให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญร่วมมือกันไม่ให้มีข้อมูลเท็จ เป็นต้น ส่วนกรณี การล็อคดาวน์กรุงเทพฯนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าไม่มีการล็อคดาวน์ แต่เป็นการใช้เฉพาะบางพื้นที่ อีกทั้งกรุงเทพฯ ยังไม่ได้มีการสั่งการจากนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องใด ๆ เพิ่มเติมในขณะนี้