รัฐเตรียมออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ล็อต 2พรุ่งนี้ ยอมรับ ไม่สามารถห้ามประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัด แต่ขอให้กักตัว 14 วัน ก่อนไปพบปะญาติพี่น้องป้องกันแพร่เชื้อโรค
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แถลงข่าวผ่านศูนย์แถลงข่าวทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า สถานการณ์ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 122 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 721 ราย ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนในกทม.และปริมณฑล ลดเดินทางออกต่างจังหวัด ซึ่งจากการที่ประกาศปิดสถานที่ต่าง ๆ ทำให้ประชาชนเดินทางกลับยังภูมิลำเนา แต่มีมาตรการรองรับโดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละพื้นที่แยกกักตัวกลุ่มเสี่ยง 14 วัน ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนที่ยังไม่เดินทางกลับอยู่ที่พักในกทม.ไปก่อน เพราะไม่สามารถทราบได้ว่าจะเป็นพาหะนำโรคไปติดยังภูมิลำเนาหรือไม่
ทั้งนี้ ยังได้รับรายงานว่ามีคนไทยเสียชีวิตในวอร์ชิงตัน ดีซี 1 ราย แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้ทางการจีนได้มอบอุปกรณ์ป้องกันมายังสาธารณสุขไทย นอกจากนั้น ในวันพรุ่งนี้ จะมีการนำเสนอมาตรการต่าง ๆเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเช่น การพักชำระหนี้ เป็นต้น
ด้านร้อยตำรวจเอกพงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างทวีคูณทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงต้องออกมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถห้ามประชาชนเดินทางกลับได้ ส่วนภาพที่มีการแชร์ภาพสถานีขนส่งหมอชิต มีคนกลับภูมิลำเนาจำนวนมากนั้น พบว่า 90% เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดน อาทิ ชาวเมียนมาร์ ชาวลาว และมี 10% ที่เป็นชาวไทยซึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา และ 3 วันที่ผ่านมาตัวเลขผู้ที่เดินทางกลับมีเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติแค่ 10%เท่านั้น
ขณะที่ นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค ยอมรับว่า ครั้งนี้ เป็นครั้งที่โรคระบาดรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา จึงอยากเห็นความร่วมมือร่วมใจเราถึงจะสามารถบรรเทาได้ ตอนนี้ไม่มีทางกำจัดออกไปแล้ว เพราะได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก วิธีบรรเทาคือทำตามมาตรการที่ออกมา ส่วนคำถามที่ว่าโรคโควิด-19 จะแพร่เชื้อทางอากาศได้หรือไม่นั้น พบว่า ละอองขนาดใหญ่ที่ออกจากผู้ติดเชื้อจะกระจาย 1-2 เมตร แต่มีละอองขนาดเล็กที่ไปไกลถึง 10 เมตร จึงมีความเป็นไปได้ที่จะกระจายทางอากาศ แต่ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น ผู้ที่ไอแรงมาก มีอาการหอบ สามารถใช้หน้ากากอนามัยปกติ เว้นระยะห่างทางสังคมจะช่วยได้
ส่วนประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนานั้น อยากให้ทยอยกลับ อย่าเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่มาก เพราะโอกาสแพร่เชื้อค่อนข้างสูง เมื่อไปถึงบ้านควรล้างมือเป็นอันดับแรก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่หน้ากาก แล้วค่อยมาทักทายครอบครัว รวมทั้งควรกักตัวเอง 14 วันอย่างเคร่งครัด ต้องระวังตัวเองไม่ให้ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น
นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า การดำเนินการรองรับประชาชนกลับภูมิลำเนา ทางคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติวางแนวทางมีทีมเฝ้าสังเกตอาการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร อสม. รพ.สต. ตามที่นายอำเภอเป็นผู้แต่งตั้ง เมื่อประชาชนเดินทางกลับ พื้นที่จะต้องทำฐานข้อมูล พร้อมกับให้ความรู้ความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติตนเอง นอกจากนั้นยังให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าสังเกตอาการผู้ที่เดินทางกลับเพื่อรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารสุขดำเนินการ และยังให้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่วนจะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เคลื่อนย้ายนั้น มีการกระจายเจ้าหน้าที่ลงในพื้นที่และชุมชน โดยทุกชุมชนจะช่วยกันเป็นหูเป็นตา
ด้าน นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ในการบริการด้านการเงินได้มีการเตรียมความพร้อมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าเงินสดมีเพียงพอให้ประชาชนเบิกถอนไปใช้จ่าย ทั้งตู้เอทีเอ็ม 54,000 ตู้ และธนาคารสาขา 6800 แห่ง โดยจะเปิดให้บริการปกติรวมไปถึงสาขาในห้างสรรพสินค้า ซึ่งตนเข้าใจว่าประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้ธนบัตร และหันมาใช้อิเล็คทรอนิกส์มากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ซึ่งมีการทำรายการกว่า 10 ล้านรายการต่อวัน โดยไม่เสียค่าบริการแต่อย่างใด ในส่วนของสินเชื่อผู้ประกอบการและบุคคล ซึ่งจะมีการให้พักชำระเงินต้น ซึ่งสามารถช่วยได้ถึง 2.5 แสนราย สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ และธนาคารพาณิชย์จัดเตรียมคอลเซนเตอร์สอบถามข้อมูลได้ 24 ชั่วโมง
ขณะที่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาไม่ได้ออกมาครั้งเดียวจบ ที่ครม.อนุมัติไปครั้งก่อนเป็นเพียงระยะที่ 1 ส่วน พรุ่งนี้ (24 มีนาคม) ทางกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการเยียวยาเป็นระยะที่ 2 และจะต้องมีมาตรการเยียวยาในระยะที่ 3 และต่อเนื่องไป หลังจากนั้นแผนที่นายกรัฐมนตรี กำชับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ดูแล คือ แผนฟื้นฟูเมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติ ที่จะมีมาตรการออกมาอีกเป็นระรอก เพื่อดูแลให้ครบทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง
