บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ มอบเงิน 20 ล้านบาท แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สนับสนุนการจัดซื้อเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด และเครื่องช่วยหายใจ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
วันนี้(20มี.ค.)ที่ห้องประชุมชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มอบเงินจำนวน 20,000,000 บาท แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO) และเครื่องช่วยหายใจซึ่งเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
โดยนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อมาเพื่อขอให้ช่วยบริจาคเงินจำนวน 10 ล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องแอ็คโม่ (ECMO )จำนวน 2 เครื่อง
เพื่อใช้สำหรับรองรับผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 ที่มารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ตัวเองเห็นว่าการจัดซื้อเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอกับปริมาณผู้ป่วยที่มีเพิ่มขึ้น จึงได้เพิ่มยอดเงินบริจาคเป็น 20 ล้านบาท
เพื่อให้แพทย์มีเครื่องมือสำหรับรองรับผู้ป่วยที่มารักษาอย่างเพียงพอ
นายสารัชถ์ มองว่าวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นนี้ รุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เพราะต้มยำกุ้งเกิดผลกระทบกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ แต่โรคระบาดส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วน
โดยในส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ยังพอมีแรงที่จะพยุงตัวเองได้เป็นเวลา 1-2 เดือน แต่หากวิกฤติโรคระบาดยังลุกลามบานปลายก็จะได้รับผลกระทบมาก และอาจมีบริษัท
ขนาดกลางและขนาดเล็ก
หลายบริษัทต้องปิดกิจการ มีการเลย์ออฟพนักงาน
ขณะที่สถานบริการต่างๆ ผับ บาร์ แหล่งบันเทิง โรงแรม ภาคธุรกิจท่องเที่ยว หลายแห่งเริ่มขาดสภาพคล่อง จากการปิดบริการชั่วคราวและอาจต้องปิดกิจการในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้มีประชาชนตกงานเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้รัฐบาลเร่งหามาตรการดูแลและเยียวยาประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์โรคระบาดยังคงลุกลามภาคธุรกิจและสถาบันการเงินก็จะได้รับผลกระทบ ในการขาดสภาพคล่อง ธนาคารไม่อยากปล่อยกู้เพราะกลัวจะเกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL ) รัฐบาลจึงควรเป็นเจ้าภาพในการดึงเงินในระบบที่มีอยู่ในขณะนี้ออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการออกพันธบัตรให้สถาบันการเงินกูยืมนำไปปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจเพื่อไม่ให้ต้องปิดกิจการ และประชาชนก็ไม่ต้องตกงาน
สำหรับบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ ได้ดูแลพนักงานด้วยการให้พนักงานมากกว่าครึ่งหนึ่งทำงานที่บ้านได้ เพื่อลดความแออัดภายในบริษัท และนำอาหารไปให้พนักงานถึงโต๊ะทำงาน โดยบริษัทยังไม่มีแผนปรับลดการลงทุนเพราะมองว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้น ในขณะนี้จะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวซึ่งจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ด้านศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรงพยาบาลรามาธิบดีได้เร่งเตรียมการรักษาผู้ป่วยขั้นรุนแรง ซึ่งอาจจะมีจำนวนมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด หรือ ECMO และเครื่องช่วยหายใจ จะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในสถานการณ์เช่นนี้
โดยเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ จำนวน 20 ล้านบาท ในครั้งนี้ จะนำไปจัดซื้อเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด หรือ ECMO จำนวน 3 เครื่อง และเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 5 เครื่อง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วย
ขณะเดียวกัน ทางโรงพยาบาลได้บริหารจัดการภายในเพื่อลดความแออัดของผู้ป่วย เช่น บุคลากรบางส่วนทำงานที่บ้าน ,ผู้ป่วยที่สามารถเลื่อนการผ่าตัดได้ก็ให้พิจารณาเลื่อนการผ่าตัดออกไปก่อนเพื่อเตรียมสถานที่ไว้รองรับผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19