xs
xsm
sm
md
lg

“เหตุบังเอิญหรือตั้งใจ อุบัติเหตุหรือฆาตกรรม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 ชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ และสส นครสวรรค์หลายสมัย กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุมในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่ พ.ต.ท.บรรยินตกเป็นจำเลย เพื่อต้องการข่มขู่ให้ผู้พิพากษาตัดสินคดีให้เป็นประโยชน์แก่ พ.ต.ท.บรรยินในคดีดังกล่าว


 แต่สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวจะทราบดีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พ.ต.ท. บรรยิน เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีการตายอย่างปริศนา อย่างน้อยที่ปรากฏเป็นข่าวชวนให้สังคมสงสัยมีถึง 2 ราย


 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2534 การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุของ น.ส.รสรินทร์ ศรีนุกูล อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน จากข้อมูลบันทึกประจำวันของ สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ระบุว่าช่วงเวลา 23.00 น. พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งขณะนั้นเป็นรองสารวัตรจราจรยศ ร.ต.ท. ที่ สภ.แห่งหนึ่ง พร้อมกับนส.รสรินทร์ กำลังเดินทางกลับจากร้านอาหารครัวชัยนาท โดย น.ส.รสรินทร์เป็นคนขับ ใช้เส้นทางอุทัยธานีมุ่งหน้าเข้าเมือง นครสวรรค์ ระหว่างทางใกล้เข้าเขตนครสวรรค์ซึ่งเป็นถนนสองเลน เกิดเหตุรถสิบล้อแซงสวนขึ้นมา ทำให้นส.รสรินทร์ต้องหักหลบกะทันหันเสียหลักตกข้างทางไปชนกับต้นสะเดาขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้นส.รสรินทร์บาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด ของน.ส.รสรินทร์ ต่างให้การว่าอดีตภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยินขับรถยนต์ไม่เป็น และไม่มีใบขับขี่ รถยนต์แต่อย่างใด

 อีกคดีดังเมื่อปี 2558 คดีนี้มีเรื่องราวทั้งการฆาตกรรมอำพราง เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดไปจนถึงรักซ้อนซ่อนปมหุ้น 300 ล้านบาท นั่นคือการตายอย่างปริศนาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่พ.ต.ท.บรรยินอยู่ในเหตุการณ์และรูปแบบการเสียชีวิตก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกับอดีตภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน


26 มิถุนายน 2558 ภรรยานายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ได้รับแจ้งว่านายชูวงษ์ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ขณะโดยสารรถยนต์เลกซัสของ พ.ต.ท.บรรยิน หลังกลับจากสปอร์ตคลับ โดยมี พ.ต.ท.บรรยินเป็นคนขับ เกิดเหตุรถยนต์ปาดหน้า ทำให้ พ.ต.ท.บรรยินต้อง หักหลบก่อนพุ่งชนต้นไม้จนนายชูวงษ์เสียชีวิต ซึ่งพนักงานสอบสวนสน.อุดมสุขท้องที่เกิดเหตุสรุปคดีไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ

 หลังเสร็จสิ้นพิธีศพครอบครัวของนายชูวงษ์พบความผิดปกติจากรายงานการซื้อขายหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ AECS รวมถึงเจอรายงานการขายหุ้นจำนวนมากไปให้บุคคลอื่น จึงเริ่มรวบรวมพยานหลักฐาน จนพบข้อพิรุธหลายอย่าง และเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อโอนคดีมาให้กองปราบปราม ข้อพิรุธที่ทำให้ครอบครัวของนายชูวงษ์เชื่อว่านายชูวงษ์ถูกฆาตกรรมและปลอมเอกสารการโอนหุ้นจำนวน300ล้านบาท เช่นหลักฐานจากภาพถ่ายและผลพิสูจน์พบว่ามีรอยกระแทกจากของแข็งจนกระดูกคอหัก รวมถึงมีรอยรัดที่ลำคอ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า รถยนต์เลกซัสคันเกิดเหตุน่าจะชนด้วยความเร็วเพียง 30 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งจรกการตรวจสอบเส้นทางและเวลาในคืนเกิดเหตุพบว่ารถเลกซัสได้หายจากเส้นทางไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนกลับมาโผล่บนถนนสายหลักอีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนาน พอที่จะนำตัวนายชูวงษ์ไปก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางได้ เช่นเดียวกับหลักฐานการ “โกงหุ้น” ที่เจ้าหน้าที่ รวบรวมได้อีกมากด้วยเช่นกัน

 ต่อมาจึงได้มีกลการออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งคดีนี้ศาลได้สืบ พยานโจทก์-จำเลย เสร็จสิ้นแล้ว แต่ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอคำ พิพากษาคดีโกงหุ้นของนายชูวงษ์ก่อน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยินพร้อมพวกรวม3คนได้แก่ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อดีตพริตตี้, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว คนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน อดีตเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทหลัก ทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) ซี่งขณะเข้าจับกุมเพิ่งคลอดลูกได้เพียง3เดือนโดยไม่เปิดเผยว่าใตรเป็นพ่อเด็ก ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมจากกรณีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ร่วม 300 ล้านบาท คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้สืบพยานโจทก์-จำเลยเสร็จเรียบน้อยแล้ว และนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 20 มีนาคม 2563


 คดีโอนหุ้นนี้เองที่กลายเป็นชนวนสังหารนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี โดยตำรวจพบว่าทำเป็นขบวนการวางแผนมาเป็นอย่างดีและมีการโทรศัพท์ข่มขู่ผู้พิพากษาให้ตัดสินคดีในทางที่เป็นคุณโดยมีนายวีระชัย พี่ชายเป็นตัวประกัน

 4 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันใช้กำลังก่อเหตุลักพาตัวนายวีระชัย ศกุนตะประเสริม อายุ 66 ปี และโทรศัพข่มขู่ให้นางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐให้ตัดสินคดีให้เป็นคุณต่อ พ.ต.ท.บรรยิน มิเช่นนั้นจะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีก ผบ.ตร.จึงสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการปราบปราม เข้าคลี่คลายดี จนสามรถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม6 คน ผู้ต้องหารบางส่วนให้การรับสารภาพว่านอกจากร่วมกันใช้กำลังเอาตัวนายวีระชัยไปแล้วยังได้ร่วมกันฆ่าและนำศพไปเผาไฟ ชิ้นส่วนที่เหลือจากการเผานำไปโยนทิ้งแม่น้ำ ตำรวจได้ตั้งข้อหารวม6ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ซ่องโจร เป็นต้น ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไม่อนุญาตให้ประกันตัว

 ตามกระบวนการยุติธรรมตราบใดที่คดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธ์ิ กรณีของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ก็ด้วยเช่นกัน จะเป็นเหตุบังเอิญหรือตั้งใจ อุบัติเหตุหรือฆาตกรรมก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรมที่จะเป็นผู้ตัดสิน แต่ในมิติของสังคมและศีลธรรมจะพิพากษาคดีนี้อย่างไรสุดแท้แต่จะเห็นสมควร


กำลังโหลดความคิดเห็น