รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก 2 สาวผู้มีประสบการณ์การเป็นโรคมะเร็ง “ออย-ไอรีล” และ “เบลล์-ศิรินทิพย์” แม้คนหนึ่งจะหายแล้ว และอีกคนยังเป็นอยู่ แต่ทั้งคู่ไม่เพียงมีวิธีคิดและจัดการชีวิตให้อยู่ร่วมกับมะเร็งได้อย่างมีความสุข แต่ยังพยายามช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ยากไร้ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย
คงไม่มีใครอยากเป็นโรคมะเร็ง แต่บางครั้งก็อาจเลี่ยงไม่ได้ แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งขึ้นมา? หลายคนอาจท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง ไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่สำหรับสาว 2 คนนี้ ไอรีล ไตรสารศรี หรือ “ออย” และศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ หรือ “เบลล์” ผู้มีประสบการณ์ตรงกับโรคมะเร็ง ยืนยันว่า ทุกคนสามารถมีความสุขได้ แม้ป่วยด้วยโรคร้ายนี้!!
“ออย” ปัจจุบันเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 และลุกลามไปสู่ปอด ย้อนเล่าถึงวันที่รู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2
“ก้อนเนื้อประมาณ 2.8 ซม. เกือบ 3 ซม. คุณหมอบอกว่า ไซส์ประมาณนี้ระยะที่ 2 แล้ว พอเราเข้าสู่กระบวนการรักษา ไปผ่าตัด ก็จะมีการตรวจเช็คว่ามันได้ลุกลามไปที่อวัยวะใกล้เคียงหรือยัง ซึ่งก็ได้ทราบว่ามันได้ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ใต้รักแร้ข้าวขวาแล้ว ก็ถือเป็นระยะที่ 2 ต้นๆ”
ขณะที่ “เบลล์” เคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย แต่สามารถรักษาจนหายแล้ว เล่าถึงวันที่โรคมะเร็งมาเยือนเธอในวัยแค่ 26 ปี
“ตอนนั้นต้องบอกว่า เบลล์เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตอนอายุ 26 ปี ตอนที่เรียนอยู่เมืองนอก อังกฤษ ปริญญาโท กลับมาปุ๊บ คุณหมอก็สแกนเจอก้อน 10 ซม.ในปอด และบอกว่าคุณเป็นมะเร็งนะ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 2 ตอนนั้น”
ณ วินาทีที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง “ออย” รู้สึกเหมือน “ตกจากหน้าผาสูง-อนาคตดับวูบ”
“เหมือนตกลงมาจากหน้าผาสูงๆ คือเหมือนเรามีแพลนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ อายุ 27 อยากจะทำอะไรอีกตั้งเยอะ อยากประสบความสำเร็จในการเรียน การทำงาน ธุรกิจที่บ้าน กลับกลายเป็นว่า พอรู้ว่าเป็นมะเร็ง เรารู้สึกว่าอนาคตเรามันดับวูบ เรารู้สึกว่า ทำไมเราซวยอย่างนี้? ทำไมเราต้องเจอเรื่องแบบนี้?”
แม้เลี่ยงมะเร็งไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นผู้ป่วยแบบไหนได้!!
“พอเราตั้งสติได้ จากการที่เราตั้งคำถามวนเวียนว่า ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราโชคร้าย กลับกลายเป็นว่า แล้วทำไมจะเป็นเราไม่ได้ ก็มีคนอีกตั้งเยอะที่เขาก็เป็นเหมือนกัน หรือแม้กระทั่งถึงเรารู้ว่า ทำไมต้องเป็นเรา รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ได้ทำให้มะเร็งมันหาย เพราะฉะนั้นควรจะตั้งสติและเดินหน้าการรักษา รู้สึกว่าเราอาจจะเลือกไม่ได้ที่จะไม่เป็นมะเร็ง แต่เรายังเลือกได้ว่า เราจะเป็นผู้ป่วยมะเร็งแบบไหน?”
ด้าน “เบลล์” ยอมรับว่า มะเร็งทำให้เธอเริ่มหันมาใส่ใจร่างกายตัวเอง มากกว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งนอกกายอย่างที่เคยเป็นมา
“วินาทีแรกที่เบลล์รู้ว่าเป็นมะเร็ง เราก็หันไปถามคุณหมอเลยว่า กลับไปสอบให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ? คุณพ่อก็หันมาว่า ทำไมไม่เอาชีวิตไว้ก่อน เรื่องอื่นเป็นของนอกกาย มันทำให้เรารู้ขึ้นมาว่า นี่เราเป็นคนไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลยเหรอ? ห่วงแต่สิ่งนอกกาย ห่วงปริญญาบัตร ห่วงความสำเร็จ ห่วงอย่างอื่นที่เป็นเงิน หรืองกอะไรอย่างนี้ คือกลายเป็นว่า 20 กว่าปี เราทำไมมี mindset อะไรแบบนี้นะ ถึงแบบไม่เคยหันมาสนใจร่างกายของเราจริงๆ เลย ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่กลับมาฟังเสียงภายในหรือเสียงของร่างกายตัวเองบ้าง มองมะเร็งว่าเป็นเป้าหมายว่าจะต้องพิชิต เราก็เลยโอเค งั้นคุณหมอก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงาน พ่อก็เป็นเหมือนเจ้านาย และมีภารกิจที่ต้องพิชิตมะเร็งด้วยกัน”
ขึ้นชื่อว่า “มะเร็ง” รักษาแล้ว ก็อาจกลับเป็นซ้ำได้ ซึ่ง “ออย” ยอมรับว่า รู้สึกเซ็งเหมือนกันที่รู้ว่า มะเร็งมันกลับมาหาเธออีกแล้ว
“พอผ่านจากการฉายแสงก็เป็นการทานยา ที่ควบคุมฮอร์โมนมาประมาณ 5 ปี และช่วง 5 ปีหลังจากรักษาเสร็จ ก็ได้กลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จนได้ปริญญาโทกลับมา ก็เป็นช่วงที่เหมือนโรคสงบ ให้เราได้ไปเรียนต่อ จริงๆ แล้ว ตอนที่ออยรู้ว่ากลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่งตอนปี 60 ก็เซ็งนะ แต่เราก็รู้สึก เราอาจจะเกิดมาเพื่อเรียนรู้เพื่อจะรับมือกับสิ่งนี้ เราก็แค่ปรับแผนชีวิตใหม่”
เรียนรู้ที่จะอยู่กับ “มะเร็ง” อย่างมีความสุข!!
“จริงๆ แล้ว ออยพยายามใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่างออยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ฉันคือผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามระยะที่ 4 ฉันมีโอกาสที่จะไป หรือโรคลุกลาม หรือแย่เมื่อไหร่ก็ได้ เราก็แค่ยอมรับกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้อย่างเป็นสุข”
ต้นทุนสุขภาพต่ำ สอนให้ “เบลล์” รู้ว่า ต้องใช้เวลาในการหายจากมะเร็งช้ากว่าคนอื่น
“พอเขาให้คีโมจบ 12 ครั้ง ก้อนจาก 10 ซม. ถ้าเป็นระยะ 4 เขาหายหมด แต่เบลล์เหลือประมาณ 6 ซม.กว่า คุณหมอบอกว่าสอบตก สอบไม่ผ่าน มันไม่ตอบสนองยา ให้คีโม 12 รอบ แทบตายทุกรอบเลยนะ เกือบติดเชื้อทุกรอบ เลยบอกคุณหมอคะ อันนี้ไม่เข้าใจ คุณหมอไม่เก่ง หรือยาไม่ดี หรืออะไร เป็นคนที่แบบ perfectionist มาก คนอื่นเขาให้คีโมแล้วหายกัน ทำไมเราไม่หาย คุณหมอบอกว่า มันไม่เหมือนกัน ต้นทุนสุขภาพของคุณต่ำกว่าคนอื่น การที่คุณไม่ดูแลตัวเอง การที่คุณเป็นอย่างนี้ทำให้คุณเหมือนตอบสนองต่อยาได้แย่กว่า”
แต่ในที่สุด “เบลล์” ก็ผ่านการรักษาจนหายจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายได้
ขณะที่ “ออย” ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาตัว เธอรู้สึกอยากทำอะไรเพื่อช่วยเพื่อนร่วมโรคที่เป็นมะเร็งด้วยกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ฐานะยากจนให้มีเงินรักษาตัวและมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ ART for CANCER
“ในช่วงที่รักษา ช่วงที่ให้เคมีบำบัด ...เราเริ่มรู้สึกว่า เราอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยเพื่อนร่วมโรค คนที่เป็นเหมือนเรา เพราะเราเข้าใจความรู้สึกของเขา เรามาเห็นผู้ป่วยตามโรงพยาบาล เรารู้ถึงปัญหาจากประสบการณ์ที่เราเจอ และตัดสินใจจะใช้เรื่องศิลปะและกิจกรรมสร้างสรรค์มาช่วยระดมเงินทุนให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ยากไร้ตาม รพ.ต่างๆ รวมถึงการช่วยแชร์ประสบการณ์ จัดกิจกรรมสร้างกำลังใจ หรือรวบรวมจิตอาสาเครือข่ายที่จะมาทำในเรื่องการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง” ไอรีล ไตรสารศรี หรือออย ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4
เมื่อ “ออย” ได้เจอ “เบลล์” ผู้มีประสบการณ์การเป็นโรคมะเร็งเช่นกัน และมีเป้าหมายช่วยเพื่อนร่วมโรคเหมือนกัน “เบลล์” จึงได้มาร่วมกับ “ออย” ในการต่อยอดโครงการ ART for CANCER ด้วยอีกแรง
“เหมือนเรามีเป้าหมายเดียวกันว่า เบลล์อยากช่วยผู้ป่วยมะเร็งให้รู้วิธีการรับมือที่ถูกต้อง วางแผนค่าใช้จ่ายที่ถูกต้อง วิธีการคุยกับคุณหมอ การดูแลตัวเอง การกินยังไง ปฏิบัติตัวยังไง ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เบลล์ได้รับประสบการณ์และได้ทำงานกับคุณหมอมาสักพักหนึ่ง ทีนี้มาเจอออย ออยก็จะใช้ศิลปะเป็นตัวขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ยากไร้ ก็เลยมองว่า สิ่งที่เราทำมีเป้าหมายเดียวกัน ...เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราสองคนกำลังทำ คือทำให้ผู้ป่วยและคนในสังคมมองว่า โรคมะเร็งเป็นโรคที่หายได้ หรือถ้ามันไม่หาย ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้” และศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ หรือเบลล์ อดีตผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย
“ออย” ฝากข้อคิด “มะเร็งคือบทเรียนหนึ่งของชีวิต ให้เราได้คิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข”
“คนเราเกิดมา ไม่ใช่เลือกได้ว่า ฉันจะเอาแต่ความสุข เราก็ต้องมีทั้งทุกข์และสุข มีสิ่งที่เราไม่อยากได้ อย่างออยก็ไม่อยากเป็นมะเร็ง แต่เมื่อเป็นแล้วเราจะทำยังไง ไม่อยากให้ทุกคนจมอยู่กับอุปสรรคปัญหา ถ้าเราเจอแล้ว เรายอมรับมันได้แล้ว เรามาคิดวิธีหรือออกแบบ หรือสร้างสรรค์การใช้ชีวิตให้มันมีความสุขดีกว่า อย่างออยเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 4 ออยยังมีความสุขได้ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ออยยังมีโอกาสได้คิดว่า ก่อนตายเราอยากทำอะไร ออยอยากให้ทุกคนมองเรื่องของโรคมะเร็ง หรืออุปสรรคปัญหาที่เจอ เป็นเหมือนบทเรียนหนึ่งของชีวิตแล้วกัน ที่ทำให้เราได้กลับไปทบทวนตัวเองว่า นับจากนี้เราจะใช้ชีวิตยังไง เราเลือกได้ ออยเคยมองว่า คนที่เป็นมะเร็งเป็นคนที่มีบุญนะ เขามีบุญกว่าคนหลายๆ คน มีโอกาสได้เตรียมตัวว่า ก่อนตายเขาอยากทำอะไร”
“เบลล์” แนะผู้ป่วยมะเร็ง ในเรื่องร้าย ยังมีเรื่องดี ให้คิดถึงเรื่องดีๆ เพื่อเพิ่มกำลังใจและความเข้มแข็งให้ตนเอง
“ถ้าใครกำลังเจออุปสรรคหรือปัญหา แล้วไม่รู้จะมีทางออกยังไง เบลล์อยากให้กลับมาลองนึกถึงสิ่งดีๆ ในชีวิตว่า ถ้าไม่เป็นมะเร็ง ก็คงไม่รู้ว่าครอบครัวสำคัญขนาดไหน? ถ้าไม่เป็นมะเร็ง ก็คงไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้จริงใจหรือไม่จริงใจ? ถ้าไม่เป็นมะเร็งก็คงไม่รู้ว่า ยังมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะช่วยเหลือเรา อยากให้มองว่าสิ่งที่คุณเจออยู่ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคขนาดไหน มันมีเรื่องดีในเรื่องร้ายเสมอ …ลองนึกถึงเรื่องราวเล็กๆ น้อยในชีวิต เบลล์ว่ามันช่วยให้เรามีกำลังใจในการอยู่ต่อ และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง เพราะกำลังใจมันได้จากคนรอบข้าง แต่ความเข้มแข็งมันต้องสร้างด้วยตนเอง”
หากผู้ป่วยมะเร็งท่านใดต้องการติดต่อหรือร่วมโครงการ ART for CANCER เพื่อให้ตนเองรู้วิธีรับมือกับโรคมะเร็ง และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข สามารถติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก Art for Cancer by Ireal ของ ออย ไอรีล ไตรสารศรี
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos