xs
xsm
sm
md
lg

เด็กสำคัญกว่าเงิน! “ครูเจี๊ยบ” จบปริญญาเอก ทิ้งงานสบาย-เงินเดือนสูง มาสอนเด็กเร่ร่อน-ด้อยโอกาสมานานกว่า 15 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ครูเจี๊ยบ” วรัทยา จันทรัตน์ ครูผู้อุทิศตนสอนเด็กเร่ร่อน-เด็กด้อยโอกาส ให้มีความรู้-ทักษะชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีอนาคตที่สดใสในภายหน้า แม้ครูเจี๊ยบจะป่วยจนเหลือปอดเพียงข้างเดียว แต่เธอก็ไม่ถอดใจ ยืนยันจะช่วยเหลือเด็กๆ ต่อไปจนกว่าลมหายใจสุดท้าย



“ครูเจี๊ยบ” วรัทยา จันทรัตน์ คือผู้มีอุดมการณ์อันแรงกล้าในการช่วยเหลือเด็กๆ ไม่ให้ตกอยู่ในวังวนของอบายมุข ยาเสพติด ขอทาน หรือการถูกทารุณกรรม ช่วยให้เด็กเหล่านี้ได้มีการศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีอาชีพเลี้ยงตัวในวันข้างหน้า


แม้เธอจะจบการศึกษาสูงถึงระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่เธอไม่เคยคิดว่า ต้องเป็นครูสอนตามมหาวิทยาลัย หรือเลือกทำงานสบายๆ และเงินเดือนสูงๆ เธอกลับเลือกที่จะเป็น “ครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน”


“บังเอิญวันนั้นเจี๊ยบฟังรายการวิทยุ สถานีของเทศบาล พอช่วงท้ายรายการวันนั้น ประกาศรับสมัครงานเทศบาลหลายอัตรา หลายตำแหน่ง ฟังไปเรื่อยรู้สึกธรรมดา ตำแหน่งสุดท้าย ครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน ฟังแล้ว รู้สึกมีด้วยเหรอตำแหน่งนี้ น่าสนใจ ฟังชื่อแล้วท้าทายดี อยากไปทำ”


ในที่สุด เธอก็ได้เป็นครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน หรือเด็กด้อยโอกาส สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา สมความตั้งใจ


ทำไม “ครูเจี๊ยบ” ถึงอยากสอนเด็กเร่ร่อน?

“ภาพที่เจี๊ยบเคยเห็น เด็กที่เคยอยู่ข้างถนน เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราเห็นบ่อยๆ คือ เด็กเก็บขยะกับพ่อแม่ รถซาเล้งสามล้อประมาณนี้ คำถามที่อยู่ในใจเรามาตลอด เอ๊ะ! ทำไมเด็กถึงไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เด็กที่อยู่ในช่วงอายุวัยเดียวกับเขา เขาได้ไปโรงเรียน เขาได้รับโอกาสตรงนั้น แต่เด็กพวกนี้ขาดโอกาส ถ้ามีโอกาส เราอยากช่วยเขา มันเป็นคำถามอยู่ในใจมานาน”


เป็นครูสอนเด็กเร่ร่อน-เด็กด้อยโอกาส แต่ละวันทำอะไรบ้าง?

“เข้าสำนักงาน และลงพื้นที่ เพื่อสำรวจเด็กแต่ละหลังคาเรือน ในชุมชนว่าเป็นยังไง สำรวจเสร็จ เราได้ข้อมูลแล้ว เราก็ปรับกิจกรรมของเรา ก็นัดกลุ่มเด็กว่ามาพบกันวันไหน ทำกิจกรรมที่วัดแจ้งนอกนะ เราก็ใช้สถานที่ตรงนั้น ช่วงแรกๆ ก็เป็นใต้ต้นไม้ มีม้าหินอ่อน และสอนเด็กใต้ต้นไม้ แนวทางการสอน จะเน้นทักษะชีวิตมากกว่า ไม่ได้เน้นวิชาการ ช่วงแรกๆ จะเป็นการฝึกอ่านออกเขียนได้ เขียนชื่อตัวเองได้ บวกเลขพื้นฐานได้ ตอนนั้นมีเด็กขายเรียงเบอร์ด้วยนะ เผื่อไปขายเรียงเบอร์ ทอนตังค์จะได้ทอนถูก จะได้ไม่ถูกเขาโกง”


สิ่งที่ครูเจี๊ยบทำ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้ความรู้และทักษะชีวิตแก่เด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส แต่เด็กบางคนที่ถูกทารุณกรรมหรือถูกบังคับให้ขอทาน หรือเสี่ยงที่จะเข้าไปสู่วงจรยาเสพติด ครูเจี๊ยบจะรีบหาทางช่วยเด็กเหล่านั้น รวมถึงเด็กที่ประสบปัญหาไม่มีใบเกิด ไม่มีบัตรประชาชน ครูเจี๊ยบก็ช่วยเหลือทุกอย่าง


“ครูเจี๊ยบ” พลิกชีวิตเด็กขอทาน ให้มีอนาคต

“ถ้าหนูไม่เจอครูเจี๊ยบ ชีวิตหนูตอนนี้ หนูต้องเสเพล ต้องติดยาแน่นอน อย่างถ้ามีลูก ก็คงท้องไม่มีพ่อแน่นอน เดิมทีชีวิตหนูเหมือนละคร ชีวิตหนูลำบากแต่น้อย หนูเดินเร่ร่อนขอเงิน เรียกง่ายๆว่า ขอทาน มีเพื่อนแนะนำว่าให้ไปเรียนกับครูคนนี้นะ ตอนแรกไม่อยากเรียน แต่เพื่อนไป ก็ไป”
“จุดเปลี่ยนชีวิตเราเริ่มจากการที่เริ่มผูกพันกับครูเจี๊ยบ เริ่มไปเรียนบ่อยขึ้น ได้เล่าปัญหาของตัวเองให้ครูเจี๊ยบฟังว่าเราเป็นเด็กที่ไม่มีไรเลย บัตรประชาชนก็ไม่มี ใบเกิดก็ไม่มี ครูเจี๊ยบเลยเอาเราไปฝากเรียนในระบบ ...ครูเจี๊ยบให้คำมั่นสัญญาว่า ถ้าเราอยากมีบัตรประชาชนเหมือนเพื่อนหรือมีใบเกิด เราต้องไปเรียน ก็เลยยอมไปเรียนหนังสือ หลังจากนั้นครูเจี๊ยบก็สืบค้นประวัติให้ ก็สรุปว่าสำเร็จ ครูเจี๊ยบทำให้เราได้ เราก็เลยมีความภูมิใจว่า ครูเจี๊ยบทำได้จริง ...หลังจากนั้นชีวิตหนูเปลี่ยนมากๆ เพราะพอเหมือนเรามีความรู้ จากที่เราเป็นนักเรียนของครูเจี๊ยบ เรามาเป็นผู้ช่วยได้ ปัจจุบันภูมิใจได้ทำงานเป็นจิตอาสาช่วยครูเจี๊ยบ ชีวิตหนูลำบากแล้ว หนูไม่อยากเห็นเด็กในชุมชนต้องลำบากเหมือนหนู หนูก็จะช่วยเท่าที่หนูช่วยได้”
คิมหันต์ เปรมในเมือง (ไผ่) อดีตเด็กที่ครูเจี๊ยบเคยช่วยเหลือ


“ครูเจี๊ยบ” เป็นยิ่งกว่า “ครู” เด็กอยากเรียกครู ว่า “แม่”

“ตอนนี้หนูเรียนจบชั้น ม.6 ของ กศน.และหนูมีแผนจะเรียนต่อที่สุโขทัยฯ เรียนสายครู เพราะอยากเดินตามรอยครูเจี๊ยบ ประทับใจมากๆ ที่ครูเจี๊ยบเป็นครูผู้ให้ หนูเคยพูดกับครูเจี๊ยบเสมอว่า ถ้าหนูไม่อยากเรียกว่า “คุณครู” อยากเรียกว่า “แม่” ได้ไหม? ถามว่ารักไหม? รักครูเจี๊ยบมาก รักเหมือนแม่คนหนึ่งเลย” คิมหันต์ เปรมในเมือง (ไผ่) อดีตเด็กที่ครูเจี๊ยบเคยช่วยเหลือ


ครูเจี๊ยบทุ่มเททำงานเพื่อเด็กๆ โดยไม่เคยนึกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง

“(ถาม-ครูเจี๊ยบต้องลงพื้นที่ตลอด และบางทีพื้นที่ที่ไป เรียกว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง?) เหมือนชุมชนแออัด มีเพื่อนถามว่า เข้าไปได้ยังไงชุมชนนี้ ไม่กลัวเหรอ? บางทีเข้าไป ก็จะเป็นวงเหล้า ตั้งวงเล่นไพ่บ้าง ในส่วนของผู้ใหญ่เราไม่สามารถไปปรับพฤติกรรมของเขาได้ แต่จุดประสงค์ของเราคือเด็กๆ”


15 ปีที่ครูเจี๊ยบทุ่มเททำงานเพื่อเด็กเร่ร่อน-เด็กด้อยโอกาส แม้ป่วยจนเหลือปอดเพียงข้างเดียว แต่เธอก็ไม่เคยถอดใจ ยืนยันจะทำงานช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ต่อไป จนกว่าลมหายใจสุดท้าย!!


“(ถาม-ครูเจี๊ยบป่วยเป็นอะไร?) โรค NTM โรคเกี่ยวกับปอดชนิดหนึ่ง ปอดอักเสบ สาเหตุของการเป็นโรคนี้ จากสิ่งแวดล้อมสู่คน คุณหมอให้ความเห็นว่า เราลงไปทำงานกับชุมชน ก็จะเป็นชุมชนสองข้างทางรถไฟ ก็จะเป็นแบบมีน้ำครำ มีกองขยะ เราไปอยู่กับสิ่งแวดล้อมแบบนั้นตลอด บางทีไป เขาก็เผาสายไฟ เพื่อเอาลวดทองแดงไปขาย ตอนนั้นเราแข็งแรงอยู่”


“ตอนนี้รักษากับอาจารย์หมอที่จุฬาฯ ทานยาประจำ หมอที่จุฬาฯ จะนัดทุก 2 เดือน (ถาม-สุขภาพตอนนี้เป็นยังไง?) ก็ดีขึ้นเยอะ แต่ก็เหนื่อยง่าย เพราะปอดเราเหลือข้างเดียว ข้างซ้ายถูกทำลายจากการได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง คือตอนแรกเลย หมอที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็ให้แต่ยาขยายหลอดลมมา พอถึงเวลาที่เจี๊ยบเช็คสุขภาพประจำปีที่ รพ.เขา เขาถึงเห็นรอยโรคว่ามันเป็นโน่นนี่นั่น ก็เป็นพังผืดอะไร ที่เหมือนกับมันเยอะแล้ว”
วรัทยา จันทรัตน์ (ครูเจี๊ยบ) ครูสอนเด็กด้อยโอกาส เทศบาลนครนครราชสีมา


หลายคนคงสงสัย ทำไมครูเจี๊ยบไม่เลือกทำงานที่สบายๆ เงินเดือนสูงๆ ทั้งที่จบการศึกษาสูงถึงปริญญาโทและปริญญาเอก แต่กลับเลือกที่จะทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อนยากไร้ขาดโอกาส


“การที่ได้เงินเดือนเยอะๆ ค่าตอบแทนสูงๆ มันไม่ใช่ที่มาของความสุขเสมอไป ทำงานตรงนี้ไม่ได้คิดว่าลำบากเลยนะ คิดว่ามีความสุขมากกว่าเงินเดือน มากกว่าโบนัสที่เราได้รับ ความสุขที่ได้รับกลับมา คือสิ่งที่เราได้รับจากคนที่เราไปช่วยเขา แล้วเขามีความสุข มีรอยยิ้ม เขาขอบคุณเรา คุณภาพชีวิตเขาดีขึ้น อันนั้นมีค่ากว่าเงิน มีค่ากว่าค่าตอบแทนเยอะ


“ครูเจี๊ยบ” เปรียบเหมือน “วัคซีน” ให้เด็กได้มีภูมิคุ้มกัน และเปรียบเหมือนครูผู้ถอดสลักระเบิดเวลา เพื่อให้เด็กไม่เป็นปัญหาต่อสังคมในภายหน้า

“เด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส ถ้าเกิดไม่มีใครเข้ามาช่วยดูแล เขาก็อาจจะเป็นปัญหาของสังคมต่อไป เราเลยเหมือนเป็นวัคซีนชีวิตให้กับเขา เขาจะได้มีภูมิคุ้มกัน ถ้าเราไม่เข้าไปแก้ปัญหา ตรงนี้เหมือนกับเป็นระเบิดเวลา ของสังคม สักวันจะระเบิดขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้ เราก็มีหน้าที่ไปถอดสลัก อย่างตัวอย่างนายสมคิด พุ่มพวง ชีวิตเขาในวัยเด็กเขาก็อยู่ลำพัง เร่ร่อนไปเรื่อย ตั้งแต่อายุ 15 ปี เขาก็ไม่ได้อยู่กับใคร เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กเร่ร่อน เขาไม่โชคดีเหมือนเด็กๆ เรา ที่ได้รับการขัดเกลา ได้มีโอกาสทำโน่นนี่นั่นเพื่อให้เขามีจิตใจที่ดี มันก็เลยอาจส่งผลให้เขา(สมคิด พุ่มพวง) เติบโตมาเป็นอย่างนี้ และมาสร้างความเดือดร้อนให้สังคม”


ผลจากการอุทิศตนทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อน-เด็กด้อยโอกาส อย่างจริงจังและเต็มกำลัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ “ครูเจี๊ยบ” ได้รับรางวัลจากการเป็นครูมาแล้วหลายรางวัล แต่ที่ครูภูมิใจและรู้สึกเหมือนฝันก็คือ การได้รับพระราชกระแสชมเชยจาก “ในหลวง”


“ครั้งหลังสุดได้รับพระราชกระแสชมเชยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรามีโอกาสได้ลงพื้นที่กับท่านกรมวังผู้ใหญ่ ที่สองข้างทางรถไฟ ก็ลงพื้นที่ด้วย ทำงานเต็มที่ แต่พอทางพี่ๆ ที่สำนักพระราชวังเขาทราบว่า เราป่วย เขาก็ทำเรื่องทูลเกล้าฯ ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และท่านก็ให้ความเมตตารับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และมอบพระราชกระแสชมเชยให้กับการที่เราปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้มา เป็นคนแรกของ จ.นครราชสีมาเลย รู้สึกภูมิใจมาก เหมือนอยู่ในความฝันเลย”


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น