รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปสัมผัสชีวิตของ “ป้านพวรรณ” ที่ถูกโรคภัยเล่นงาน จนป่วยอัมพฤกษ์ติดเตียง ขณะที่หลานสาววัย 10 ขวบ ก็ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ด้านสามีป้านพวรรณยืนยันจะเป็นเสาหลักหาเงินดูแล-รักษา ทั้งภรรยาและหลาน ไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน
ณ บ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนน้ำครำภายในซอยแบริ่ง 48 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีครอบครัวที่น่าสงสารพักอยู่ 4 ชีวิต ป้านพวรรณ สอนเครือ กับวัย 50 ที่ถูกหลายโรครุมเร้า จนอยู่ในภาวะอัมพฤกษ์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขณะที่หลานสาวก็ถูกคุกคามด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง สามีป้านพวรรณจึงต้องเป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ควบคู่กับการดูแลภรรยาที่อยู่ด้วยกันมา 30 ปี ขณะที่หลานสาวอย่างน้องโอปอ แม้ตนเองก็ป่วย แต่ยังพยายามช่วยดูแลยายเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ เพราะอยากให้ยายหายป่วยและเดินได้อีกครั้ง
ก่อนจะอยู่ในสภาพติดเตียงเช่นวันนี้ ป้านพวรรณเคยมีชีวิตเช่นคนอื่นทั่วไป ทำงานแม่บ้านแถวสาธร กทม.แต่รายได้ไม่พอรายจ่าย จึงดิ้นรนไปทำงานไกลถึงภูเก็ต ...แต่แล้ววันหนึ่ง มีปัญหาสุขภาพ จึงต้องเข้ามารักษาตัวที่ กทม.เพราะสู้ค่ารักษาที่ภูเก็ตไม่ไหว
“วันแรกเป็นที่ตาก่อน คล้ายเหมือนมีอะไรขวางตา วันสองก็หนักขึ้น วันสามก็หนักขึ้น ถึงวันที่เจ็ด ตาซ้ายมองไม่เห็นเลย”
หลังรักษาตัวจนหายเป็นปกติ ป้านพวรรณจึงตั้งใจกลับไปทำงานที่ภูเก็ตอีกครั้ง แต่ฝันสลาย เพราะนายจ้างไม่ต้องการเธอแล้ว
“ทางโน้นไม่เอาเราแล้ว เขาให้เราออกจากงานเลย (ถาม-เพราะอะไร?) ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเราลงมาหาหมอนี่แหละ (ถามตอนนั้นเราคิดไหมว่า เราจะทำอย่างไรต่อ?) คิดว่า เดี๋ยวก็คงหางานใน กทม.ทำได้ เพราะงานแม่บ้านทำตรงไหนก็ได้ และอีกอย่างเราก็ค้าขายเป็น (ตอนนั้นมีเงินทุนอยู่) จ้ะ”
แต่โชคชะตาเหมือนไม่เข้าข้าง เพราะปัญหาสุขภาพกลับมาคุกคามเธออีกครั้ง คราวนี้มาหลายโรค และเปลี่ยนชีวิตเธอให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“(ถาม-อาการป่วยเป็นได้อย่างไร?) เป็นตุ่มขึ้นหัวไหล่ ไปหาหมอ หมอบอกว่า เป็นงูสวัด ไขกระดูกทับเส้นประสาท และกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่รักษา ก็เดินได้ เลี้ยงหลานส่งหลานไปโรงเรียนตามปกติ พอมาปี 59 กลางปี เหมือนเราปัสสาวะไม่ออก ไปหาหมอ หมอบอกว่าติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ พอรักษาไป บอกว่าเราเป็นโรคลมชัก ให้ยาโรคลมชักมากินอีก (ถาม-จากงูสวัด มาติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มาบวกเป็นลมชัก?) และให้ยามากินประจำ ก็ระบุว่าเป็นโรคพุ่มพวง (ถาม-มีโรคพุ่มพวงขึ้นมาอีกโรคหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆ ทำไมมีผลให้เราเดินไม่ได้ นอนติดเตียงเป็นอัมพฤกษ์อย่างนี้?) ระบุอย่างเดียว เป็นไขกระดูกทับเส้นประสาท (ถาม-หมดกัน ชีวิตที่วางแผนที่วาดฝันเอาไว้?) ใช่”
ไม่ใช่แค่ป้านพวรรณเท่านั้นที่ป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่หลานสาววัย 10 ขวบ “วิศรุตรา เหมือนจีน” หรือน้องโอปอ ก็น่าสงสารเช่นกัน เพราะป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็น
“(ถาม-น้องรู้ไหมตอนนี้เราเป็นอะไรอยู่?) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ถาม-กลัวไหม?) ไม่ เพราะหมอบอกว่ามันไม่มีระยะ มันอาจจะมีสิทธิ์หาย เพราะมันเคยหายไปแล้ว แล้วก็กลับมาเป็นใหม่ เพราะเป็นไข้เลือดออก พอไปโรงพยาบาลปู่เจ้าฯ หมอบอกว่า เป็นไข้เลือดออก แต่หายแล้ว และไม่สบาย ก็เลยไปโรงพยาบาลเด็ก พอไป หมอบอกว่า มันกลับมาเป็นใหม่”
“น้องโอปอ” เข้าโรงพยาบาลรักษาตัวแต่ละครั้ง ต้องแอดมิดหลายวัน บางครั้งนานเป็นเดือน
“ไปหาหมอ น้องให้คีโม แล้วน้องก็จะผอม มันปวด ต้องไปเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง ถ้าเกล็ดเลือดไม่ดี เขาก็ให้เลือดให้น้ำเกลือ ต้องนอนโรงพยาบาล ไปนอนทีก็ครึ่งเดือน บางทีเป็นเดือน เพราะถ้าอาการไม่ค่อยดี เขาต้องนอนนาน ถ้าอาการดี ก็ครึ่งเดือน กลับมาบ้าน 2-3 วันก็ไปอีก ไปหาหมออีก (ถามไปให้คีโม กลับมามีอาการอย่างไรบ้าง?) หงุดหงิด เขาจะร้อน” ป้านพวรรณ สอนเครือ ป่วยอัมพฤกษ์ พูดถึงการรักษาตัวของหลาน
“มันเจ็บ และถ้าฉีดยานอนหลับ หนูไม่หลับ หนูจะโวยวาย ไม่รู้เป็นเพราะยาหรืออะไร แม่เลยไม่ให้ฉีด แต่ให้ยาชาที่หลังแทน (ถาม-แล้วเจ็บไหม?) เจ็บ แต่ยายบอกว่าต้องอดทน ไม่อย่างนั้นไม่หาย (ถาม-เจ็บแบบร้องไห้เลยไหม?) ร้องไห้ กรี๊ดทั้งโรงพยาบาล มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มหลังเจ็บๆ” น้องโอปอฉายภาพความเจ็บระหว่างรักษาตัว
ใครได้เห็นหลังเท้าของน้องโอปอ อาจสงสัยว่าไปโดนอะไรมา น้องบอกว่า ระหว่างรักษา หมอให้น้ำเกลือไม่เข้าเส้น จึงเกิดอาการบวม ดำคล้ำ และทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ให้ดูต่างหน้าจนถึงวันนี้ แม้จะไม่เจ็บแล้วก็ตาม
“(ถาม-เห็นยายนอนอย่างนี้ สงสารยายไหม?) สงสาร (ถาม-เรารู้ไหมว่ายายเป็นอะไร?) ไม่รู้ แต่ยายเคยบอกว่า ไขกระดูกทับเส้นประสาท แล้วก็เดินไม่ได้ (ถาม-ยายก็ป่วย เราก็เป็นมะเร็ง ต้องมาดูแลกัน เราเหนื่อยไหม?) ก็เหนื่อย (ถาม-เหนื่อยแล้วทำไมต้องทำ?) ก็อยากให้ยายหาย”
ขณะที่ ธงชัย พุทธบุตร สามีป้านพวรรณ ยืนยัน จะดูแลกันไป ยังไงก็ไม่ทิ้ง
“ก่อนนี้ทำงานซับของนิสสัน ส่วนผลิต ไม่มีใครดูแฟน ผมก็ต้องออกมาหารับจ้างข้างบ้าน พอดูแลเขาได้ เงินก็หลานไปรักษาตัวบ้าง ไปโรงพยาบาล ค่ารถ แฟนก็ต้องมีค่ารถแท็กซี่ไปหาหมอ กายภาพทุกอาทิตย์ เมื่อก่อนอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เดี๋ยวนี้อาทิตย์ละครั้ง หลานก็ลำบากอยู่ ต้องไปโรงพยาบาลโน่น ราชวิถี ก็ต้องหายืมเขาบ้าง รับจ้างเขาบ้าง ได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องดูแลกันไป รักษากันไป เราอยู่ด้วยกันมาแล้ว ไม่ทิ้ง ยังไงก็ไม่ทิ้ง”
ป้านพวรรณ ยอมรับ เคยท้อ เครียด ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะไม่อยากเป็นภาระให้สามีและหลาน
“(ถาม-เห็นบอกเคยฆ่าตัวตายทำไมคิดอย่างนั้น?) สงสารครอบครัว อยู่เป็นภาระเขา ภาระลูกด้วย ภาระพ่อด้วย ถ้านั่งได้ คงไม่คิดว่าตัวเองเป็นภาระ ถ้าเราไป จะได้ไม่เป็นตัวถ่วง เขาจะไปทำงานหรืออะไรก็ได้ (ถาม-แล้วแม่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะอะไร?) เพราะลูกหลานให้กำลังใจ (ถาม-เคยคิดไหมมีคนลำบากกว่าเราอีก?) คิด แต่เราก็ลำบากกว่าเขา เราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่ดูๆ มา คนอื่นยังช่วยเหลือตัวเองได้ เราก็อิจฉาเขานะ เขายังช่วยเหลือตัวเองได้ นั่งได้ ถ้าเรานั่งได้ก็ภูมิใจ พลิกตัวเองไม่ได้ (ถาม-ความหวังคือนั่งได้?) นั่งได้ ประคองตัวเองได้ ก็ดีใจ”
“อยากให้เขาหายเหลือเกิน อยากให้ช่วยเหลือตัวเองได้” สามีป้านพวรรณ อยากให้ความหวังของภรรยาเป็นจริง
“อยากให้มีคนช่วยพายายไปรักษา หนูอยากให้ยายเดินได้” โอปอ ก็อยากให้ยายหายป่วยและเดินได้เหมือนเดิมเช่นกัน
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือครอบครัวป้านพวรรณ สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาศรีนครินทร์ กม.14 ชื่อบัญชี น.ส.นพวรรณ สอนเครือ หรือ น.ส.ทัศนีย์ พุทธบุตร เลขที่บัญชี 253-0-20959-6
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos