รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์” นักธุรกิจที่หลายคนเรียกเขาว่า “พ่อพระของคนยาก” หรือ “เทวดาของคนจน” เขาไม่เพียงเป็นนักธุรกิจที่รู้จักคำว่า “พอ” แต่เขายังมีความสุขกับการ “ให้” และการได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในสังคมผ่านการเปิด “คลินิก 1 บาท รักษาฟรี” และกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย
“สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์” เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับร้อยล้านคนหนึ่งที่ไม่แสวงหาความสุขจากทรัพย์สินเงินทองที่มี แต่เขายึดหลัก “พอเพียง” ของในหลวง รัชกาลที่ 9 และเลือกที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคมมากกว่า โดยเฉพาะการให้โอกาสคนยากไร้ได้เข้าถึงการรักษา ด้วยการเปิด “คลินิก 1 บาท รักษาฟรี” , เปิดโรงทานให้คนยากไร้ได้อิ่มท้อง นอกจากนี้ยังเปิดสถานปฏิบัติธรรม เพื่อดับทุกข์ทางใจให้ผู้คน รวมถึงบริจาครถเข็นวีลแชร์ให้ผู้ป่วยผู้พิการที่ยากไร้ และมอบทุนการศึกษาแก่เรียนดีแต่ยากจนอีกด้วย
“แม่” คือแรงบันดาลใจ ให้เปิด “คลินิก 1 บาท รักษาฟรี” ตั้งอยู่ย่านบางลำพู กทม.
“เนื่องจากแม่ไม่สบาย พอแม่ไม่สบาย ตอนนั้นผมเป็นนายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กำลังประชุมเรื่องการจัดงานสงกรานต์ พอดีพี่ๆ โทรเข้ามาว่าแม่เข้า รพ.นะ อาการ 50% เราคิดว่า จะทำยังไงให้แม่ผ่านวิกฤตตรงนี้ เลยมีความจำเก่าๆ ว่า คุณหมอ 5 บาท ถ้าเป็นคนทั่วไปก็เก็บเงิน ถ้าคนไหนยากจนเก็บ 5 บาท เกิดปิ๊งขึ้นมาปั๊บ เลยพูดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจว่า ถ้าแม่หาย จะเปิดคลินิกรักษาฟรีตลอดชีวิต ที่เรามีชีวิตอยู่ เชื่อมั้ย แค่วันรุ่งขึ้นหมอบอกว่า ผ่านวิกฤต หลังจากนั้น 2 วัน แม่ก็ออกจาก รพ. หลังจากนั้น 1 เดือน คลินิกเวชกรรมสุรัตน์ 1 บาทรักษาฟรี ก็เปิดอย่างเป็นทางการ”
“(ถาม-คุณสุรัตน์เรียนทางการแพทย์หรือเป็นหมอมาก่อนไหม?) ไม่ใช่ เป็นนักธุรกิจ เราไม่ได้ดูด้วยว่าเงินในกระเป๋าเราพร้อมหรือเปล่า แต่แม่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ เมื่อเราตั้งใจแล้ว ต้องทำได้”
“คลินิก 1 บาท รักษาฟรี” เปิดมา 15 ปี มีผู้ป่วยมาใช้บริการกว่า 170,000 คน รักษาให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ และไม่เลือกว่าจะยากดีมีจน ทุกคนที่มา จะได้รับการรักษาฟรีทั้งหมด
“ถ้าเป็นวันธรรมดา เปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม วันพุธหยุด วันเสาร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่เช้าเลย 9 โมงถึงบ่ายโมง เพื่อเขาจะได้งดน้ำงดเครื่องดื่ม งดอาหาร 12 ชม. มาตรวจเบาหวาน โคเลสเตอรอล เราจะมีเครื่องตรวจ บุคลากรที่นี่ เราใช้แพทย์โดยเฉพาะเลย เป็นหมอที่มีใบประกอบวิชาโรคศิลปะ พยาบาลก็ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยพยาบาล เป็นพยาบาลจริงๆ รวมทั้งมียาที่ดี”
“คนไข้ของเรามีทั้งคนไม่มีบ้านอยู่ โฮมเลส คนที่เขาไม่มีสัญชาติ คนที่เขาเป็นต่างด้าวไม่มีสิทธิรักษา จากที่ได้ทำงานมา ก็ประทับใจ บางทีคนไข้ก็น่าสงสารจริงๆ บางคน ถ้าเราไม่ช่วยเขา ก็ไม่รู้ใครจะช่วยเขา” พญ.บาศมน มโนมัยพิบูลย์ แพทย์ประจำคลินิกเวชกรรมสุรัตน์ 1 บาท รักษาฟรี
“รู้สึกดี เป็นคลินิกที่ช่วยคนจน และคนจนก็ยังมีเยอะในประเทศเราที่ยังต้องพึ่งหมอ บางครั้งเขาก็ไม่มีเงินไปหาหมอ บางทีอาจไม่มีบัตร 30 บาทด้วย เขาก็ต้องมาพึ่งที่นี่” พรมเจษฎาเจริญ รักเหลือเกิน ผู้มาใช้บริการคลินิก 1 บาท รักษาฟรี
นอกจากเปิดคลินิก 1 บาท รักษาฟรีแล้ว คุณสุรัตน์ยังมอบรถเข็นหรือวีลแชร์ให้ผู้ป่วยผู้พิการฟรีอีกด้วย โดยหากใครแจ้งความประสงค์เข้ามา และสามารถเดินทางมารับวีลแชร์ได้ เขาจะให้มารับที่คลินิก แต่หากไม่สะดวก คุณสุรัตน์ก็พร้อมจะนำวีลแชร์ไปมอบให้ถึงบ้านในชุมชนต่างๆ
ไม่เพียงเปิดคลินิก 1 บาท รักษาโรคทั่วไปฟรี แต่คุณสุรัตน์ยังมีบริการนวดกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตอีกด้วย
“ส่วนของคลินิกรักษาฟรี จะมีคลินิกกายภาพบำบัดด้วย ถ้าเพิ่งเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตแค่ 2 เดือนหรือไม่เกิน 2 ปี มีโอกาสหาย” สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ ผู้ก่อตั้งคลินิก 1 บาท รักษาฟรี
มีคลินิกรักษาโรคทางกายฟรีแล้ว คุณสุรัตน์ยังเปิดสถานปฏิบัติธรรมเพื่อคลายทุกข์ทางใจให้ประชาชนกลางชุมชนย่านบางลำพูเช่นกัน ชื่อ อาคารปฏิบัติธรรมสุรัตนธรรม ซึ่งคลินิก 1 บาท รักษาฟรี ก็ตั้งอยู่ภายในอาคารสุรัตนธรรม
“เพื่อนๆ ผมในย่านข้าวสาร เขาเห็นผมไปปฏิบัติธรรม ผมชวนเขา เขาเลยไปปฏิบัติกับผม ไปที่สิงห์บุรี หลวงพ่อจรัล เขาบอกดีมากเลย ...เดี๋ยวนี้ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ผมจะรักษาศีล 8 ของผมเอง ไปกับภรรยา 2 คน ไปวัดโน้นวัดนี้ แต่ละเดือน ผมจะไปอยู่วัดประมาณ 4-5 วัน ผมชวนเพื่อนไปไกลๆ เขาบอกไม่มีเวลา ไกลเกินไป ผมเลยบอก เอาอย่างนี้ไหม ผมจะทำสถานที่ตรงนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมเลย โดยใช้ชื่อว่า ธรรมะสากลกลางพระนคร ไร้รูปแบบ ไร้สังกัด เพราะทุกแนวคือคำสอนของพระพุทธเจ้าหมด และอยากให้เครื่องมือสร้างสุขทั้งกายและใจ กายคือการเปิดคลินิกรักษาฟรี ใจคือเปิดอาคารปฏิบัติธรรม ซักฟอกจิตใจให้อยู่ในศีลในธรรม เป็นคนดีของสังคม นี่คือสโลแกน”
“หาคนที่ทำแบบนี้ยากนะ คุณสุรัตน์ได้อุทิศตัวเองทำ ตอนที่เขาทำคลินิกบาทเดียว ก็ยังรู้สึกว่าดีมาก เพราะได้ช่วยเหลือคนที่อาจขัดสนหรือปัจจุบันทันด่วน ทั้งคนต่างชาติ และคนไทยที่เขามีโอกาสได้รักษาฟรี เกือบฟรี เสียบาทเดียว ก็น่าจะดี ดีในส่วนที่ช่วยเพื่อนมนุษย์ ที่ไม่ได้คิดเชื้อชาติ สัญชาติ และพอมาเปิดสถานปฏิบัติธรรมนี่ยิ่งดีใหญ่เลย อยู่ไม่ไกล มาได้ เพราะจริงๆ ถ้าจะไปที่อื่นหรือไปวัด บางทีก็ไกลไป แต่เรามาจุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางของ กทม.มาสะดวก” สิริกร หัชยกุล ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่อาคารสุรัตนธรรม
การปฏิบัติธรรมที่อาคารสุรัตนธรรม จะไม่มีการค้างคืน ซึ่งคุณสุรัตน์มีการจัดคอร์สปฏิบัติธรรมนอกสถานที่แบบค้างคืนด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
นอกจากเปิดสถานปฏิบัติธรรมแล้ว คุณสุรัตน์ยังเปิด “โรงทาน” ให้คนยากไร้ได้คลายหิว พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือคนยากจนในโอกาสต่างๆ
“คุณสุรัตน์เป็นคนที่มีจิตเมตตา มีเงินก็แบ่งปันให้คนที่เขาอดอยากยากไร้ให้มีข้าวมีอาหารกิน ถือว่าให้ชีวิตเขา เพราะอาหารสมัยนี้มันแพง จานหนึ่ง 40 บาท 50 บาท คนฐานะอย่างพวกผม มันยากมากอยู่ในสังคมยุคปัจจุบันนี้ ก็ต้องมาอาศัยคุณสุรัตนที่ให้ทานให้เรากินได้มีชีวิต” พิสิษฐ์ รัตนมานพสกุล ผู้มาปฏิบัติธรรมและใช้บริการโรงทานของคุณสุรัตน์
น้ำใจและความเมตตาของคุณสุรัตน์ไม่เพียงส่งผ่านคลินิก 1 บาทรักษาผู้ป่วยฟรี หรือการเปิดโรงทาน หรือมอบวีลแชร์แก่ผู้ป่วยผู้พิการฟรี แต่เขายังบริจาคเงินช่วยวัดช่วยโรงพยาบาล รวมถึงมอบทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนแต่เรียนดีมานานนับสิบปีแล้ว
ที่ผ่านมา แม้จะมีรางวัลการันตีความดีที่คุณสุรัตน์ได้ทำมากมาย และทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในการที่จะทำความดีต่อไป แต่เขายืนยันว่า ไม่ยึดติดกับรางวัลที่ได้ เพราะการยึดติด จะทำให้เราอุปโลกน์ว่าตัวเองสำคัญหรือมีคุณค่ากว่าผู้อื่น ซึ่งเมื่อถึงวันหนึ่ง ที่ต้องเสียชีวิตไป คนเราก็ต้องทิ้งหัวโขนทั้งหมด ดังนั้นไม่ควรยึดติดกับหัวโขน
”สักวันคุณก็ต้องทิ้งหัวโขน หรือแม้แต่ผมเอง ทุกวันนี้ผมก็มีตำแหน่งอะไรมากมายนะ แต่ผมก็เริ่มพยายามที่จะลาออก ยกเว้นกิจกรรมที่เป็นกิจกรรมบุญ กิจการอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย”
“ผมมองว่าชีวิตนี้มันน้อยนักเลย เราไม่รู้เลยว่า อุบัติเหตุหรือปัจจัยต่างๆ จะทำให้เราตายเมื่อไหร่ บางคนนั่งทานข้าวอยู่ดีๆ ข้าวติดคอ เสียชีวิตแล้วก็มี ผมเลยมองว่า ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ ควรสร้างคุณงามความดี ...ชีวิตนี้ผมมองว่า ผมพอแล้ว ผมเอาคำของในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านบอกว่า ถ้าหากชีวิตนี้ เรารู้จักพอ ผมบอกกับภรรยาและลูกว่า ทุกวันนี้ผมมีทรัพย์สมบัติให้ภรรยาและลูกแล้ว ดังนั้นชีวิตที่เหลือ พอเรามีคำว่าพอ เราจะไม่ดูตัวเอง เราจะไม่ดูลูกๆ กับภรรยาแล้ว เพราะมีให้เขาแล้ว เราก็จะมองคนอื่นที่เราไม่รู้จัก ว่าเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง ถ้าเราทำได้ เราควรที่จะทำ ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์” สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ ผู้ก่อตั้งคลินิก 1 บาท รักษาฟรี
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos