รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2562 พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “กอล์ฟ” เจ้าของแฟนเพจ “นางฟ้าซาลอน” ที่โลกโซเชียลต่างชื่นชมในสิ่งที่เขาทำ กอล์ฟไม่ใช่ช่างตัดผมธรรมดา แต่ยังเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและจิตอาสา ช่วยเหลือผู้ป่วย-ผู้พิการ-ผู้ยากไร้ ให้คลายจากทุกข์ร้อนมานานนับสิบปี
ถ้าพูดถึง ฤชวีพัฒน์ จิราวัฒน์มงคล หรือกอล์ฟ หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า เจ้าของแฟนเพจ “นางฟ้าซาลอน” หลายคนคงร้องอ๋อกันเลยทีเดียว เพราะเขาคือหนึ่งในผู้ที่ได้รับเสียงชื่นชมในโลกโซเชียล จากการเป็น “ช่างตัดผมจิตอาสา” เดินสายตัดผมให้ผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้ยากไร้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ไม่เท่านั้น เขายังลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนในจังหวัดต่างๆ รวมถึงเป็นสะพานบุญให้สังคมได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือเคสต่างๆ ที่ร้องขอความช่วยเหลือมายังนางฟ้าซาลอนด้วย
เป็นชาวโคราช ชีวิตวัยเด็ก ยากจนมาก ต้องทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัว
“เราเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน จนมากๆ แต่ความจน อย่างน้อยก็เป็นเกราะทำให้เราโตมาจนทุกวันนี้ เพราะสมัยเด็ก แม่กับพ่อจะให้เราออกไปรับจ้างตลอด แม้เราจะเรียนชั้นประถมก็เถอะ ต้องออกไปรับจ้าง เพื่อมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัว แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่เราเกิดมามีแม่เป็นคนใจบุญ ทุกเช้าแม่จะหุงข้าวใส่ปิ่นโตให้กอล์ฟเดินไปใส่บาตรที่วัดก่อน แล้วค่อยเข้าเรียน เพราะวัดกับโรงเรียนติดกัน เราไม่มีตังค์ไปซื้อกับข้าวใส่บาตร มีแค่ข้าวสวยอย่างเดียว ใส่บาตรทุกวันช่วงที่เรียนประถมศึกษา” ฤชวีพัฒน์ จิราวัฒน์มงคล หรือกอล์ฟ เจ้าของแฟนเพจ “นางฟ้าซาลอน”
กายเป็น “ชาย” แต่ใจเป็น “หญิง” ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ตอนที่จำความได้ เราไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาเรียกเราว่าอะไร เรารู้แค่ว่า วันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้ว เราจะลุกขึ้นไปเล่นกับญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชาย ยิงนกตกปลาไม่ได้ แม่จะตีเลย บอกว่ามันบาป ถ้ารู้ว่าเราเข้าป่าไปยิงนกตกปลา แต่ถ้าเราเล่นกับญาติพี่น้องที่เป็นผู้หญิง จะเล่นเป็นครู จะเล่นแต่งตัวใส่กระโปรง หรือเล่นหมากเก็บ เล่นกระโดดยาง อันนี้แม่ไม่ว่า เลยทำให้เรา เราไม่ได้โทษว่าแม่เลี้ยงให้เราเป็นกระเทย แต่เรารู้ว่า ถ้าเราออกไปกับญาติพี่น้องผู้ชาย เราจะโดนตี ก็ทำให้เราใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับผู้หญิงมาโดยตลอด พอเราเริ่มที่จะ ป.4-ป.5 เราเริ่มรู้สึกว่าเรามีความชอบไอดอลที่เป็นผู้ชาย แต่ขณะนั้นเราก็ไม่รู้ว่านี่แหละจิตใจเราเริ่มเบี่ยงเบนทางเพศ (ถาม-เล่นตุ๊กตาไหม?) เล่นทุกอย่าง ใส่กระโปรง ใส่รองเท้าส้นสูง เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันคืออะไร รู้แค่ว่า ทำแล้วแม่ไม่ตี ก็พอ”
ชีวิตเคยพลาด เพราะยาเสพติด
“ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเกิดขึ้นสมัยเรียนมัธยม ม.2-3 ใกล้จบแล้ว ด้วยความที่พ่อไม่ชอบเห็นเราเป็นกระเทย และเขาไม่พอใจที่เรากลับมาเรียนหนังสือ ทำไมไม่ไปอยู่อู่เหมือนที่เขาต้องการ แต่พ่อไล่ตี เราก็เลยวิ่งหนีออกมา และในขณะที่เราเดินออกมาจากบ้าน เรามาเจอเพื่อน เพื่อนรุ่นพี่ กำลังตั้งแก๊งกินเหล้ากันอยู่ และเขาเห็นเราเดินร้องไห้มา ก็เลยปลอบใจ เราก็เริ่มที่จะกินเหล้า จากกินเหล้าก็กลายเป็นสูบบุหรี่ จากสูบบุหรี่ ก็พัฒนาขึ้นไปดูดกัญชา พอดูดกัญชาหนักเข้า ยาบ้าก็เริ่มเข้ามา”
ช็อก “แม่” ป่วย เชื่อ ตัวเองเป็นต้นเหตุ เลิกเรียน หางานทำ
“หลังเราเรียนจบ ม.3 เราก็ไปหาเรียนที่ใหม่ พูดง่ายๆ ว่าไปเรียนต่อในระดับที่มันสูงขึ้น แต่เรายังวุ่นวายอยู่กับเรื่องยาเสพติดเหมือนเดิม ทีนี้มันหนักขึ้นกว่าเดิม เราโกหกแม่ตลอด เพื่อให้แม่ไปหาเงินมาให้เรา แล้วเรานำเงินไปเสพยา เช่น อาจารย์สั่งให้ทำรายงาน ต้องซื้อนี่นั่นมาทำรายงาน แต่จริงๆ อาจารย์ไม่ได้สั่ง ไม่มีใครสั่งให้เราทำอะไร แต่เราโกหก โกหกเรื่อยๆ จนแม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินให้เรา แล้วเราไม่ได้เอาเงินไปทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษาเลย เอาไปเสพยา จนวันหนึ่งที่แม่ตัวเองป่วย และต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ.มหาราช (ถาม-แม่เป็นอะไร?) เป็นเนื้องอกทับเส้นประสาทตา ตอนนี้แม่ก็มองไม่เห็นข้างหนึ่ง พูดง่ายๆ คือผู้พิการตา ตาบอดข้างหนึ่ง”
“ในวันนั้น บอกตรงๆ เราก็เป็นห่วงแม่ ด้วยความที่เราก็กเฬวรากมาตลอด และแม่ถูกส่งตัวมารักษาที่ รพ.มหาราช บ้านเราอยู่ปากช่อง เมื่อก่อนต้องนั่งรถบัส เราไม่มีตังค์ เราก็ไปเกาะลูกกรงประตูบ้านคนอื่น ขอยืมเงิน 100-200 เพื่อนั่งรถมาหาแม่ที่มหาราช ปรากฏไม่มีใครให้เรายืมเลย ที่เขาไม่ให้เรายืม ไม่ใช่เขาไม่สงสารแม่เรานะ เพราะเขาเห็นพฤติกรรมอันชั่วร้ายของเราในอดีต และมั่นใจว่ามึงคงไม่เอาเงินไปนั่งรถไปหาแม่มึงหรอก มึงคงเอาเงินไปเสพยานั่นแหละ เลยโบกรถมาโคราช พอเรามาถึง เราเห็นสภาพแม่ที่ถูกผ่าตัด แล้วหน้าบวม ตาเขียว เหมือนคนถูกทำร้ายมา แล้วโกนหัว มีสายที่เจาะดูดเลือดเสียออกมาจากสมอง ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด ตอนนั้นเป็นอะไรที่ทำให้เราช็อกมากเลย เราคิดว่าสภาพที่แม่เป็นอยู่ตอนนั้น เราน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม่ต้องมีอาการป่วยแบบนี้ มันก็เลยทำให้เราคิดได้ ช่วงที่เราคิดได้ ก็เลยคิดว่าเราคงไม่เรียนหนังสือแล้ว เพราะแม่คงไม่รู้จะไปกู้เงินที่ไหนมาให้เราแล้ว และหนี้สินที่กู้มา ก็ยังไม่ได้ชดใช้เลย ก็เลยมาหางานทำ”
ต่อมา กอล์ฟ หรือนางฟ้าซาลอน ได้ไปเรียนตัดผม เพื่อเป็นอาชีพ โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่า นั่นจะเป็นที่มาของ “ช่างตัดผมจิตอาสา” ในเวลาต่อมา
“ในช่วงที่เราเรียนตัดผม อาจารย์ต้องพาเราออกไปฝึกอาชีพตามชุมชนต่างๆ จะมีคุณลุงคุณป้าที่ว่างงาน ไม่ได้ทำงาน หรือลุงป้าที่ทำงานเทศบาล มานั่งเป็นหัวหุ่นให้เราตัด จุดเปลี่ยนวันหนึ่ง ออกไปฝึกอาชีพเหมือนเดิม ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกอาจารย์ ช่วยส่งลูกศิษย์ไปตัดผมให้แม่หน่อย แม่ไม่สบาย ออกมาไม่ได้ อาจารย์ก็ ใครว่าง ไปตัดให้แม่เขาหน่อย ทำบุญ ในกลุ่มรู้อยู่แล้ว ไม่มีใครตัดได้ เราก็มองหน้ากลุ่มเพื่อน แต่ละคนก็ กูไม่ไปๆ เราเป็นกระเทย เป็นคนที่มีความมั่นหน้ามาตลอด เลยบอก เจ๊ไปเอง”
“เราก็บอก สวัสดีค่ะ เดี๋ยวหนูตัดผมให้คุณยายนะ ซึ่งเขาเป็นเจ้าหญิงนิทรา...ก็ตัดๆๆ มือก็ไม่ได้ใส่ถุงมือ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมาเจออะไรไง แล้วหัวยาย คนที่เป็นแผลกดทับ ไม่ได้สระผมมานานหลายเดือน จะมีน้ำเลือดน้ำหนอง มีรอยแผลฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมดเลย เราก็สัมผัสทั้งเลือดทั้งหนองเต็มไปหมดเลย ตัดเท่าที่ตัดได้ แต่คิดว่าคงสวยที่สุดในวันนั้น แล้วยายเขาก็น้ำตาไหล เราก็ตกใจว่า ยายน้ำตาไหลได้ไง เราทำให้ยายเจ็บหรือเปล่า เราก็เลยถาม พี่ๆ หนูทำให้คุณยายเจ็บหรือเปล่า ลูกสาวบอก ยายคงไม่ได้เจ็บหรอก แต่ยายคงดีใจ ที่มีคนแปลกหน้ามาตัดผมให้โดยที่ไม่รังเกียจยายเลย แค่คำพูดนั้น เราก็ถึงบางอ้อ ปิ๊ง! เฮ้ย ที่ผ่านมาเข้าใจผิดมาโดยตลอดนี่นาว่า ทำบุญมันต้องใช้เงิน”
หลังจากนั้น กอล์ฟเริ่มใช้โซเชียลแฟนเพจ “นางฟ้าซาลอน” เป็นสื่อกลาง เพื่อเดินสายตัดผมให้ผู้ป่วยผู้พิการฟรี แถมช่วยแต่งหน้าศพด้วย
“เราก็โพสต์รูปลงไป และประกาศเจตนารมณ์เลยว่า ถ้าใครมีญาติพิการ ผู้ป่วยติดเตียง อยากให้เราไปตัดผมให้ ติดต่อมาเลย หรือใครมีญาติพี่น้องเสียชีวิต อยากให้เราแต่งหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย ก็ติดต่อมาได้เลยในเพจเรา พร้อมทิ้งเบอร์ไว้ ก็เริ่มมีการแชร์ออกไปเรื่อยๆ มีผู้พิการติดต่อมาหาเรา มีญาติคนป่วยคนพิการติดต่อมาหาเรา ให้เราลงพื้นที่ไปช่วย”
กอล์ฟ หรือนางฟ้าซาลอน ไม่เพียงตัดผมให้ผู้ป่วยผู้พิการฟรี แต่ยังบริการสอนตัดผม-แต่งหน้าให้ผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ได้มีอาชีพติดตัวอีกด้วย
หลังทำงานเพื่อสังคมด้วยการเป็นช่างตัดผมจิตอาสามาร่วม 10 ปี กอล์ฟก็ได้กำลังใจครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2560 ซึ่งช่วยให้เขามีพลังในการมุ่งมั่นทำความดีเพื่อสังคมต่อไป
“เมื่อก่อนที่เราท้อ เราก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะลุกขึ้นมาทำความดี เราก็พยายามหาธรรมะเข้าวัดทำบุญเพื่อให้มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่พอได้รับพระราชทานอุปกรณ์ตัดผมพระราชทานกับดอกไม้พระราชทานจากในหลวง รัชกาลที่ 10 บอกตรงๆ ว่า พลังมาเต็มมาก ในทุกครั้ง ทุกเช้าก่อนที่เราจะทำงาน เราจะทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ก่อน เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง และในช่วงที่เราจะไปช่วยเหลือผู้พิการก็เหมือนกัน เราก็ทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ ไม่ว่าในขณะเดินทาง เราจะเจออุปสรรคอะไร ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราไม่รู้เราจะไปเจอการก่อการร้ายอะไรหรือเปล่า แต่เราเชื่อมั่นว่า ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม เราต้องอยู่ในพื้นนั้นด้วยความปลอดภัยและกลับด้วยความปลอดภัย”
สิ่งที่ได้รับและความคาดหวังจากการทุ่มเทช่วยเหลือผู้ป่วยผู้พิการคืออะไร?
“สิ่งที่ได้รับ เราได้รับตั้งแต่ตอนไปช่วย นั่นคือความสุข แต่พอเราได้เห็นสายธารของมวลน้ำใจของประชาชนที่ส่งไปช่วยเหลือพวกเขา ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า เราจะหยุดไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เราลงไปช่วย มันช่วยพลิกฟื้นชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัวผู้พิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้ช่วยต่อชีวิตและลมหายใจของเขาให้เขาพ้นทุกข์ ถึงแม้เราจะช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยพิการของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อย เราก็ยังสามารถที่จะช่วยเยียวยาทางจิตใจให้เขาได้”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos