รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน 9 องค์กรจับมือดันกัญชาเป็นยาถูก กม. ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพุธที่ 24 เมษายน 2562
จากปรากฏการณ์ “#SaveDecha” กลายเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยอมถอยด้วยการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ยุติการจับกุมคณะทำงานของ นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ที่ผลิตและแจกน้ำมันกัญชาให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง พร้อมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสนับสนุนการนำสารสกัดกัญชามาผลิตเป็นยารักษาโรค แม้จะเลยช่วงนิรโทษกรรม ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ก็ตาม
ในเรื่องนี้อาจารย์เดชา มองว่าเป็นเรื่องดีที่หน่วยงานภาครัฐหันมาสนับสนุนมูลนิธิข้าวขวัญในการผลิตน้ำมันกัญชา แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงหมอชาวบ้านคนอื่นๆ เนื่องจากข้อกำหนดในการขึ้นทะเบียน “หมอพื้นบ้าน” มีเงื่อนไขและข้อจำกัดหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค ขณะที่ผู้ป่วยซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ยาและมีฐานะยากจนก็ไม่สามารถผลิตยาจากสารสกัดกัญชาได้เอง ดังนั้น จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้หมอชาวบ้านและผู้ป่วยสามารถผลิตและใช้ยาจากสารสกัดกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของคุณสมบัติหมอพื้นบ้านที่ต้องมีครบทั้ง 8 ข้อ และบางข้อที่เป็นข้อจำกัดที่ทำให้หมอชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านได้ เช่น ต้องทำการดูแลรักษาผู้ป่วยและอยู่ในพื้นที่นั้นๆ มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ต้องมีผู้สืบทอดหรือคนที่มาเรียนทำยาด้วย ซึ่งเป็นไปได้ยากที่หมอชาวบ้านคนใดจะมีคุณสมบัติตามนี้
จากปัญหาดังกล่าวทางมูลนิธิข้าวขวัญ และอีก 9 องค์กรคือ มูลนิธิสุขภาพไทย, มูลนิธิชีววิถี , มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน, มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน, มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ, มหาวิทยาลัยรังสิต และเครือข่ายผู้ป่วยจะจัดแคมเปญ “เดินรณรงค์เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา” พร้อมทั้งระดมทุนเพื่อนำมาใช้ในการผลิตและพัฒนายาจากสารสกัดกัญชา โดยจะมีการเดินรณรงค์เป็นระยะทาง 225 กิโลเมตร จากวัดวชิรโพธิญาณ จ.พิจิตร ถึงวัดบางปลาหมอ จ.สุพรรณบุรี ในระหว่างวันที่ 21 พ.ค. ถึง 9 มิ.ย. 2562
ทั้งนี้ ในการเดินรณรงค์จะมีทั้งนักวิชาการที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับการนำสารสกัดกัญชามาใช้ผลิตยา นักการเมืองที่สนับสนุนการใช้ยาจากสารสกัดกัญชา ผู้ป่วยที่ได้รับยาน้ำมันกัญชาในการรักษาซึ่งจะมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ในการใช้ยา รวมทั้ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช คนไทยคนแรกที่ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จ ซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตผู้ป่วยที่หายจากโรคมะเร็งจากการใช้น้ำมันกัญชาในการรักษามาร่วมด้วย
อาจารย์เดชา ยังทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า “พาราควอต”เป็นสารพิษ ประเทศอื่นห้ามนำเข้า ทำไมไทยยังนำเข้าได้อย่างเสรี ขณะที่กัญชามีคุณสมบัติเป็นยา ต่างประเทศเขาสนับสนุนให้ใช้ผลิตยา แต่ประเทศไทยกลับห้าม กัญชาก็เหมือนมีด ถ้านำมาใช้ฆ่าคนก็เป็นโทษ แต่ถ้านำมาหั่นผักผลไม้ก็เป็นประโยชน์ จึงต้องอาศัยพลังภาคประชาชนมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประสบความสำเร็จให้จงได้
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน