รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน คนไทยว่าไง?”ถูกทูตต่างชาติแทรกแซง!! ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2562
เรื่องที่เจ้าหน้าที่ทูต12ประเทศเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจสน.ปทุมวัน ตามความผิดมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศ และมาตรา 189 ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีเมื่อปี 2558 รวมทั้งมาตรา 215 มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้คนไทยจำนวนมากไม่พอใจอย่างมาก เพราะถือเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนไทยและประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน แสดงให้เห็นแรงหนุนที่มีต่อนายธนาธร ทั้งการจับไม้จับมือกับนายธนาธร อีกทั้งการเข้าไปนั่งร่วมสังเกตการณ์และสอบถามข้อสงสัยหลังจากที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สอบปากคำนายธนาธรเสร็จสิ้น
จึงเกิดคำถามตามมาว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยและคนไทย โดยเฉพาะนายธนาธรจะชี้แจงอย่างไร เพราะตอนนี้ถูกมอว่าเป็นตัวการ 'ชักศึกเข้าบ้าน' ด้วยการนำคนต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั่วโลกไม่กระทำกัน และไม่มีประเทศไหนยอมให้กระทำเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ออกมาตำหนิ บรรดาตัวแทนทูตเหล่านี้ว่าเป็นการเสียมารยาทที่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย พร้อมเรียกตัวแทนทูตเข้าพบเพื่อทำความเข้าใจในจรรยาบรรณทางการทูต เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าใด เพราะดูจากการที่'จิลเลียน บอนนาร์โดซ์' โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย มีข้อความผ่านทางอีเมลว่าโดยปกติสถานทูตสหรัฐฯ มักเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีที่คนทั่วโลกให้ความสนใจอยู่แล้ว เพื่อสังเกตการณ์ว่าการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างยุติธรรมและเคารพหลักนิติธรรม นี่เป็นมาตรฐานการปฏิบัติทางการทูตซึ่งสหรัฐฯ สนใจคดีนี้เหมือนกับคดีอื่นๆ อีกหลายคดี เพื่อสังเกตการณ์กระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีด้วยตนเอง แปลง่ายๆคือ ไม่สนคำทักท้วงของไทย แล้วจะทำไม?
แหล่งข่าวกระทรวงต่างประเทศ บอกว่า “วิธีการแบบนี้เป็นการชักศึกเข้าบ้านจริงๆ ผิดทั้งคนเชิญ และคนที่มา คนเชิญเมื่อมีปัญหาทะเลาะกันในบ้าน ประจานกันเองแล้วเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยจัดการ เพื่อนบ้านคนไหนไม่สนใจและมีจรรยาบรรณ ก็จะบอกให้จัดการกันเอาเอง แต่ถ้าบ้านไหนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็รอจังหวะ เรียกปุ๊บมาปั๊บ ซึ่งประเทศก็เหมือนกัน”
แต่ถ้าคนเหล่านี้มีจรรยาบรรณ โดยตามหลักการทูตแล้ว หากอยากรู้ข้อเท็จจริง ว่าสิ่งที่นายธนาธรร้องขอไปเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเขาคิดว่ารัฐบาลไม่มีความยุติธรรม ก็สามารถสืบได้จากข้อมูลข่าวสาร สื่อต่างๆ ที่มีการนำเสนอ หรือกรณีที่ สน.ปทุมวัน ก็มีวิธีจัดการต่างๆอีกหลายวิธีที่ไม่ต้องไปแสดงตัวแบบนั้นก็ได้
จุดที่รัฐบาลพลาดก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 แต่เพิ่งจะเรียกนายธนาธรมารับทราบข้อกล่าวหาหลังจากผลการเลือกตั้งออกมา
จากนี้ไปก็ต้องติดตามดูว่ากระทรวงการต่างประเทศจะทำอย่างไรต่อไป จะยอมให้ประเทศมหาอำนาจเหล่านี้คิดจะทำอะไรตามใจชอบต่อไปอีกหรือ ? และยิ่งไปกว่านั้น ที่น่าเจ็บใจคือ “คนที่ชักศึกเข้าบ้าน”ยังมีจิตสำนึกว่าเป็น”คนไทย”อยู่หรือไม่ กฎหมายและสังคมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบนี้ดี?!!
ทีมข่าวลึกทันใจรายงาน