รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2562 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวของ “ติ๊ก สิริทัศน์” ผู้ที่ชีวิตเคยหลงผิด เดินทางผิด จนชีวิตต้องจบลงที่คุก แต่เขาสามารถลุกขึ้นมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดีของสังคม และประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ทำได้ พร้อมแบ่งปันประสบการณ์เพื่อให้คนอื่นได้เรียนรู้และประสบความสำเร็จแบบเขาเช่นกัน
“สิริทัศน์ สมเสงี่ยม” หรือ ติ๊ก หนุ่มโคราช เกิดและโตในสลัม ซอยวัดสะแก เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแย่ๆ ชีวิตเขาจึงอยู่ในวังวนของอบายมุขและสิ่งผิดกฎหมาย
“ปากซอยมีโสเภณีมาขายตัว ท้ายซอยมียาเสพติด กลางซอยมีอบายมุข ทุกอย่างครบหมด ผมโตมาแบบนั้น”
บ่มเพาะนิสัย “ขี้ขโมย” ตั้งแต่เด็ก!
“ผมขโมยทั้งถังแก๊สของพ่อแม่ไปขาย เพื่อจะเอาเงินไปเล่นเกม ผมขโมยทั้งพระเครื่องของพ่อแม่เพื่อไปใช้จ่าย มันเริ่มมาจากตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว”
“ก้าวแรกในวงการสีดำของผม ผมเริ่มด้วยการเป็นโจรขโมยรถมาก่อน เคยไปอยู่วงการอาบอบนวดมา เคยเป็นทั้งแมงดา ทั้งเอเยนซี่ ใช้ชีวิตเลวๆ มาแทบจะครบทุกรูปแบบแล้ว วงการยาเสพติดด้วย (ถาม-เราทำเพราะ?) ผมคิดเรื่องเดียว ผมอยากได้เงิน”
เมื่ออยากได้เงินในทางที่ผิด ชีวิตจึงจบที่คุก!
“ผมอยากได้ตังค์ มีรุ่นพี่คนหนึ่งของผมเขาขายยาอยู่ ผมก็ไปขอเสนอตัวเขา ผมอยากขายยาด้วย เพราะผมเห็นเขาใส่ทอง เห็นเขามีรถ และเห็นเขาใช้ชีวิตอย่างร่ำรวย เราตอนนั้นอายุ 17 ก็อยากมีแบบเขาบ้าง เราตัดสินใจด้วยความคิดผิดๆ มันก็เลยทำให้เราเดินบนเส้นทางที่ผิดๆ สุดท้าย จบลงที่คุก”
11 วันที่ใช้ชีวิตในคุก ทำให้คุณติ๊ก สิริทัศน์ เริ่มคิดได้ หลังพบว่า สภาพแวดล้อมในคุกแย่กว่าสภาพแวดล้อมนอกคุกมาก เขาเริ่มพบสัจธรรมว่า ปลายทางของคนทำชั่ว จะต้องมานอนในคุก เมื่อคิดได้ หลังออกมาจากคุก เขาจึงอยากทำดี อยากเป็นคนดี แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงเริ่มด้วยการทิ้งความชั่วของตัวเองทีละอย่าง
“เริ่มเลิกทีละอย่าง เลิกลักขโมย เลิกเกี่ยวข้องกับวงการยาเสพติด เลิกเกี่ยวกับวงการอาบอบนวด เลิกทีละอย่าง ไม่ใช่เลิกทีเดียววันเดียวเลย ผมใช้เวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสิบปีนะครับ”
คำพูด “ป้า” เปลี่ยนชีวิต “ติ๊ก สิริทัศน์”
ช่วงที่ออกจากคุกใหม่ๆ คุณติ๊ก สิริทัศน์ ได้ช่วยพ่อขายก๋วยเตี๋ยว แต่ช่วยได้ไม่นาน พ่อก็ส่งเขาไปพักอยู่กับป้า เพราะกลัวลูกจะกลับไปสู่เส้นทางผิดๆ อีก ซึ่งคุณติ๊กไม่คาดคิดว่า จะได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนจากปากของป้า ซึ่งทำให้เขาถึงกับน้ำตาร่วง
“ตอนที่อยู่ในบ้านป้า มันมีช็อตหนึ่งที่วันนั้นเปลี่ยนชีวิตผมจริงๆ ช็อตนั้นเปลี่ยนจากไอ้ติ๊กคนนั้นมาเป็นผมในวันนี้เลยคือ วันนั้นระหว่างกินข้าวอยู่ ป้าผมเล่าให้ผมฟังว่า มึงรู้มั้ยวันที่มึงติดคุกอะ พ่อมึงคลาน 4 ขาเหมือนหมามาขอให้กูช่วย เอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันตัวมึงออกมา ผมกินข้าวไป น้ำตาร่วงเลย ผมไม่เคยคิดเลยว่า พ่อผมจะรักผมถึงขนาดนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาทุบตีผม เพราะผมดื้อ เขาตีผม เขาลงโทษผมหนักรุนแรงมากกว่าลูกทุกคน นี่ช็อตแรกนะครับ
”
“ช็อตที่ 2 ป้าเล่าต่ออีกว่า แล้วมึงรู้มั้ยที่ดินกู ไม่พอค้ำประกันตัวมึงออกมาจากคุกด้วยซ้ำ พ่อกับแม่มึงก็ต้องคลาน 4 ชาเหมือนหมาอีกแหละไปขอให้อาม่า อาม่าคือคนที่พ่อผมเช่าที่ขายก๋วยเตี๋ยวเนี่ย ยืมเงินเขาสมทบประกันตัว ตัวผมชาไปหมดเลยวันนั้น ผมไม่เคยคิดเลยว่า ความรักของพ่อแม่มหาศาลขนาดนี้ เพื่อนผมที่กินเหล้าด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน บอกว่ารักนักหนา ตายแทนกันได้ บอกกูรักมึงที่สุด มึงสุดยอด ไม่โผล่มาเยี่ยมผมสักคนเดียว มีแค่พ่อกับแม่ผมเท่านั้น วันนั้นแหละวันเปลี่ยนชีวิตผม”
ข้อคิดจากหนังสือ จุดประกายให้ทำธุรกิจ
“ผมไปอ่านหนังสือเจอเล่มหนึ่ง เขาบอกว่า ถ้าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เราก็ทำอะไรก็ได้ที่ใกล้ตัว ทำมันแบบยิ่งใหญ่ ผมก็เฮ้ย แล้วกูจะทำอะไรวะ ที่มันจะยิ่งใหญ่ ก็ทำไม่ได้อีก เพราะความรู้ไม่มี ผมมองเห็นอาชีพก๋วยเตี๋ยวที่ผมโตมากับมัน ผมมองเห็นอาชีพอาหารที่คนต้องกินทุกวัน และบ้านเรามีฝีมือมากในระดับหนึ่ง ผมก็เลยเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวบุฟเฟ่ต์เจ้าแรกในโคราช”
สิ่งที่ทำให้ร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณติ๊กมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ ก็คือ การออกโปรโมชั่น ซึ่งกลายเป็นที่มาของ “ก๋วยเตี๋ยวใบสั่งในตำนาน”
“สมัยก่อน ลำบากยากจน มอเตอร์ไซค์ยังยืมเพื่อนใช้เลย อยากกินก๋วยเตี๋ยว ก็ยืมมอเตอร์ไซค์เพื่อนไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ยังไม่ทันถึงร้านก๋วยเตี๋ยว โดนตำรวจจับไปแล้ว 200 เงินก็ไม่มี ก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ได้กิน กลับมานอน มานั่งเปิดน้ำก๊อกกิน ผมลำบากขนาดนั้นตอนนั้น ทีนี้พอเรามีโอกาสได้เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว เราก็มาคิดถึงตรงนี้แหละว่า ถ้าคนเขาไปโดนตำรวจจับมา แล้วเขาไม่มีตังค์กินข้าวเหมือนเราตอนนั้นทำไงวะ ก็ปล่อยโปรโมชั่นเลย ใครมีใบสั่ง เอามาแลกก๋วยเตี๋ยวร้านผมกินฟรี ดังเลย”
คุณติ๊ก สิริทัศน์ เคยทำธุรกิจมาหลายอย่าง ล้มลุกคลุกคลานมาก็หลายครั้ง ช่วงหนึ่งเขายังมีความคิดแบบผิดๆ เห็นใครทำอะไรแล้วขายดี ก็ทำบ้าง แต่สุดท้ายก็เจ๊ง
“ยุคนั้นโคราชเปิดร้านนมดีมาก ใครๆ ก็ฮิตเปิดร้านนมกัน ร้านสวยๆ ทั้งนั้นเลย ผมเห็นเขาเปิดร้านนม ผมเปิดบ้าง ผมเห็นเขาเปิดร้านขายน้ำปั่น คนยืนต่อคิว ผมเปิดบ้าง ผมเห็นเขาขายอะไรดี ผมทำตามเขาหมด แต่ผมทำออกมาได้ห่วยกว่าเขา กระจอกกว่าเขา ผมถึงเจ๊ง”
ทำธุรกิจเจ๊ง จนเหลือเงินก้อนสุดท้ายแค่ 6 หมื่นบาท ตัดสินใจทำร้านขายจิ้มจุ่มอีกรอบ หลังเคยทำแล้วเจ๊ง ครั้งนี้เขาประสบความสำเร็จ เพราะเป็นร้านจิ้มจุ่มที่แปลกกว่าร้านอื่น ชื่อร้าน “จิ้มจุ่มหม้อเบ้อเร่อ” ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนสนใจจนขอซื้อแฟรนไชส์
ด้วยความเรียนมาน้อย จบแค่ ป.6 คุณติ๊ก สิริทัศน์ จึงเพิ่งมารู้จักคำว่า “แฟรนไชส์” ก็ต่อเมื่อมีคนขอซื้อธุรกิจของเขา ปัจจุบันคุณติ๊กไม่ได้ขายจิ้มจุ่มแล้ว ขายเพียงก๋วยเตี๋ยวร้าน “ซดเตี๋ยว” ตรงข้ามเรือนจำโคราช ซึ่งแม้จะประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่คิดขายแฟรนไชส์ แต่พร้อมขายสูตรและเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ที่สนใจ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ
“ขายสูตรมันจะดีตรงนี้ คนที่ซื้อแฟรนไชส์ผมไป ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ผมตั้งขึ้นข้อ 1 ข้อ 2 กำไรที่เขาจะได้ จะน้อยลง เพราะแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เขาจะบังคับซื้อของ จากต้นแฟรนไชส์ แปลว่าคนที่ซื้อแฟรนไชส์เราไปจริงๆ เขาไม่ได้เป็นเจ้าของจริงๆ เขาแค่เป็นคนมายืนขายวัตถุดิบให้เรา ผมเลยอยากให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ การเป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ ต้องได้บริหารจัดการเองจริงๆ ได้กำไรสมน้ำสมเนื้อ ไม่ใช่มายืนเหนื่อยเพื่อคนอื่น หาเงินให้คนอื่นใช้ นี่คือหลักคิดของผม ผมเลยคิดว่า แฟรนไชส์ไม่ขายหรอก ขายสูตร และเป็นโค้ช อยู่เป็นพี่เลี้ยง สอนเขาอีก 1 ปี สอนเขาสร้างแบรนด์ด้วย เป็นพี่เลี้ยง หาทำเลให้ด้วย สอนแนวคิดต่างๆ ให้ สอนเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่างๆ (ถาม-ค่าคอร์สเท่าไหร่?) 999 บาทเอง (ถาม-พันเดียวแลกกับความรู้ในการทำธุรกิจตัวหนึ่ง ถือว่าแทบให้ฟรีเหมือนกัน?) มีปัญหาอะไร โทรหาผมได้เลยใน 1 ปีเนี่ย”
คุณติ๊ก สิริทัศน์ ไม่เพียงประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวที่ทำ แต่เขายังเป็นนักเขียน มีผลงานหนังสือแล้วหลายเล่ม เช่น พลิกชีวิต คิดแบบโจร, เปิดปากแมงดา ฯลฯ
“มันเริ่มมาจากอย่างนี้ ผมถูกคำถามทางอินบ็อกซ์เยอะมาก พี่ติ๊ก ผมอยากมีแฟรนไชส์แบบพี่ ผมต้องทำอย่างไรเหรอ พี่ติ๊กผมทำงานประจำอยู่ ผมอยากมีรายได้เพิ่มทำอย่างไร พี่ติ๊กผมเป็นเจ้าของกิจการ คำถามพวกนี้ มาหาผมทุกวัน เป็นห่าฝนเลยตอนนั้น ที่เริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ ก็เลยเกิดเป็นแนวคิดว่า เราควรเขียนอะไรขึ้นมาสักอย่างเพื่อให้ผู้คนเอาไปปรับใช้ ก็เริ่มจากเขียนลงโซเชียลก่อน โพสต์เฟซก่อนว่า ชีวิตผมเป็นใคร มาจากไหน ผมผ่านอะไรมาบ้าง และเรื่องเลวๆ ร้ายๆ ที่ผมทำ ผลมันออกมาเป็นอย่างไร และพอผมปรับเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตผมเปลี่ยนอย่างไร ผมประสบความสำเร็จได้อย่างไร”
นอกจากนำประสบการณ์ชีวิตมาบอกเล่าผ่านหนังสือและสื่อโซเชียลแล้ว คุณติ๊ก สิริทัศน์ ยังเป็นวิทยากรพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกด้วย
ฝากข้อคิดเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคน
“ผมก็อยากฝากไว้นะว่า เลวอย่างผม โง่อย่างผม กระจอกอย่างผม ผมยังสามารถปรับเปลี่ยน ปรับปรุง จนผมมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนได้ มันแปลว่า ใครก็มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ได้ ชีวิตชั่วๆ อย่าใช้มันชั่วชีวิตครับ”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos