รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน “พลังแม้ว”แผ่วลงจนหมดมนต์ขลัง!! ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562
ผลจากการเลือกตั้งที่ออกมาถือเป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “พลัง” ของ ทักษิณ ชินวัตร เริ่ม “ลดน้อยถอยลง”อย่างเห็นได้ชัด แม้ในเบื้องต้นจำนวนส.ส.ของเพื่อไทยจะนำพรรคพลังประชารัฐอยู่ก็ตาม ซึ่งถ้าจะให้แน่นอนกันจริง ๆ ก็ต้องรอให้กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคมเสียก่อน จึงจะแน่ใจได้ว่าใครมีที่นั่งอยู่ในมือกันเท่าใด เพราะหากจะว่าไปในตอนนี้ คะแนนที่เหลืออีก 5 เปอร์เซ็นต์ก็ยังเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก ยังไม่นับเรื่องการร้องเรียนต่าง ๆ ที่มีอีกมากมาย อาจจะทำให้จำนวน ส.ส.แต่ละพรรคเปลี่ยนไปทั้งเพิ่มหรือลดก็ได้ หรือบางทีเผลอ ๆ บางพรรคจากที่เคยคาดหมายว่าจะได้ ส.ส.ก็อาจจะไม่ได้เลยสักที่นั่งก็เป็นไปได้ ทำเป็นเล่นไป!!
ทีนี้มาดูกันว่า เหตุใดจึงบอกว่า พลังของทักษิณถดถอย ทั้งที่เพื่อไทยได้เสียงส.ส.มากกว่า ก็ต้องดูที่ยุทธศาสตร์“แตกแบงก์พัน” รวมทั้งพรรค “ตระกูลเพื่อ” ทั้งหลาย ที่พยายามทำกันมาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลที่ออกมายังได้คะแนนแค่ “สูสี” กันมาก ไม่ได้ทิ้งคู่แข่งขาดลอย เหมือนในอดีต จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุน ทักษิณ ชนะไม่ขาด ซึ่งหากจะวัดกันในพื้นที่ฐานเสียงหลักอย่างภาคเหนือ และภาคอีสาน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยของเขาจะชนะ แต่ก็ถูกเบียดแทรกสูญเสียที่นั่งไปเป็นจำนวนมาก หรืออีกหลายเขตที่กว่าจะชนะได้ก็ต้องลุ้นกันหืดขึ้นคอเลยทีเดียว
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าทักษิณ ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือ “บิ๊กตู่” ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งคราวนี้ ทักษิณไม่อาจชี้นิ้วนำการตั้งรัฐบาลได้อย่างเต็มร้อยเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป ซึ่งสะท้อนผ่านการผนึกเป็นพันธมิตร 6 พรรคที่นำโดย พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ยังไม่อาจดึงพรรคอื่นมาเพิ่มจนได้เสียงข้างมาก มากพอสำหรับจัดตั้งรัฐบาลได้
และแม้เกมครั้งนี้จะถูกลากยาวต่อไปนานแค่ไหน หรืออาจถึงขั้นต้องเลือกตั้งกันใหม่ “บิ๊กตู่”พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังคงนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วยอำนาจเต็มในมือที่ยังมีอำนาจตามมาตรา 44 อีกต่างหาก จึงไม่ต้องสงสัยว่า เหตุใดทักษิณ จึงนั่งไม่ติดกระสับกระส่าย ออกมาโวยวายว่ามีการโกงเลือกตั้ง ซึ่งดูไปแล้วเสียงของทักษิณเหมือนจะแหบลงๆทุกขณะ ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก นั่นเป็นเพราะไม่สามารถคุมเกมเล่นเองเหมือนในอดีตนั่นเอง
ทีมข่าว ลึกทันใจ รายงาน