รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวของ “ครูจา” ผู้ที่ไม่ทนเห็นปัญหาเด็กถูกละเมิด-ถูกกระทำด้วยความรุนแรง จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ให้มีอนาคตที่ดี ไม่กลายเป็นเด็กที่ก่อปัญหาให้สังคมในภายภาคหน้า
ศุภกร โนจา หรือ ครูจา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็กบ้านครูจา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ให้การช่วยเหลือเด็กที่ถูกละเมิดหรือเด็กที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยชาวต่างชาติมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว เขาไม่เพียงเปรียบเสมือนพ่อที่ให้อนาคตใหม่แก่เด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง แต่เขายังช่วยให้เด็กๆ เหล่านี้ไม่ไปก่อปัญหาให้สังคมหรือไปกระทำรุนแรงกับผู้อื่นเหมือนที่ตนเองเคยถูกกระทำมาด้วย
“ครูจา” เริ่มช่วยเด็ก ตั้งแต่ตนเองยังเรียนอยู่
“ผมเป็นเด็กที่ครอบครัวยากจนมาก ช่วงประถมอยู่ด้วยความยากลำบาก ตอนมัธยมต้น ปั่นจักรยานไปกลับโรงเรียนวันละกว่า 50 กม. ก่อนจะมาเรียนรามฯ ผมไปสอบวิทยาลัยครูเชียงใหม่ ผมติดอันดับ 2 คอมพิวเตอร์ แต่ไม่มีปัญญาเรียน เลยเดินทางมา กทม. เพื่อทำงานและเรียนไปด้วย เลยได้ช่วยกลุ่มเด็ก ทั้งเด็กที่ติดยาเสพติด เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์”
เมื่อได้มีโอกาสทำงานกับมูลนิธิคุณพ่อเรย์ อ.บางละมุง ที่ดูแลเด็กพิการ เด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส ทำให้ครูจาพบว่า ยังมีเด็กอีกกลุ่มที่ถูกกระทำรุนแรง ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยชาวต่างชาติ และยังไร้การช่วยเหลือ เขาจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมือเข้าช่วย นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้ง “มูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็กบ้านครูจา” และ “ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด”
พบ กลุ่มที่ชอบละเมิดทางเพศเด็กมี 3 กลุ่ม
“คนที่ชอบละเมิดทางเพศเด็ก ที่เราพบมี 3 กลุ่มใหญ่ๆ 1.กลุ่มพ่อพระ ทำตัวเหมือนพ่อพระ ช่วยเหลือสนับสนุน สุดท้ายละเมิดเด็ก 2.กลุ่มที่ชอบซาดิสม์ 3.กลุ่มที่เคยมีประวัติไม่ดีมาก่อน กลุ่มนี้จะระวังตัวมาก เวลาละเมิดเด็ก แทบไม่ให้ใครรู้เลย”
ทำไมเด็กในความดูแลของมูลนิธิฯ บ้านครูจา เป็น “ชาย” มากกว่า “หญิง”?
“ถามว่า ทำไมเด็กผู้ชายเยอะกว่าเด็กผู้หญิง จริงๆ แล้ว เด็กผู้หญิง บางทีแต่งหน้าแต่งตา ไว้ผมยาว ก็ดูเหมือนสาวๆ ไม่ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของศูนย์ฯ อาจจะแฝงถูกกลุ่มที่เป็นธุระจัดหา ส่งไปขาย”
“ในการทำงานของเรา เราเน้นเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เพราะเด็กอายุต่ำกว่า 15 ไม่ว่าจะยินยอมให้ละเมิดทางเพศหรือไม่ก็ตาม คดีไม่สามารถยอมความกันได้ เราเลือกเด็กที่ถูกล่วงละเมิดอายุต่ำกว่า 15 ปี เพราะผลสำเร็จของคดีค่อนข้างจะสูงมาก” ครูจาเผยเหตุผลที่เน้นช่วยเหลือเด็กอายุต่ำกว่า 15
ชี้ความน่ากลัว หากเด็กถูกล่วงละเมิด แล้วไร้คนเหลียวแล
“เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เด็กที่ใช้ยาเสพติด หรือเด็กที่ถูกบังคับให้ส่งยา ถ้าไม่มีใครลงไปช่วยเหลือคุ้มครอง เด็กกลุ่มนี้ก็จะตกเป็นเหยื่อไปเรื่อยๆ และเด็กกลุ่มนี้ หากไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองที่ดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ 1. เด็กเหล่านี้เมื่อโตขึ้นมา จากเด็กที่เคยขายบริการทางเพศ จะไปเป็นธุระจัดหา 2.เด็กเหล่านี้เมื่อถูกกระทำ หากไม่ได้รับการฟื้นฟูบำบัดที่ดี โอกาสที่เด็กจะมีปัญหาทางจิตสูงมาก”
มูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็กบ้านครูจาจะมีทั้งนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์คอยดูแลอบรมสั่งสอนเด็กที่ถูกล่วงละเมิดมา เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต
“อย่างแรกเลย เราต้องสอนหนังสือเด็ก เด็กบางคนถูกกระทำมานานมาก จนอายุเกินเกณฑ์ที่ต้องเรียนแล้ว เราก็ต้องสอนหนังสือเขาให้อ่านออกเขียนได้ก่อน หลังจากนั้น เราก็ทำงานเชิงรุกโดยการประสานงานกับนักจิตวิทยาที่มีอยู่ ให้นักจิตฯ ค้นเข้าไปในจิตใจเขาว่า เขาเป็นอย่างไร พฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง เราก็จะรับข้อมูลจากนักจิตวิทยามาวิเคราะห์และประมวลว่า เราควรแก้ไขตรงไหนก่อน เช่น เด็กคนหนึ่งถูกพ่อแม่ฟาดมา ไม่ว่าความผิดเล็กน้อยหรือใหญ่ แม่คนนี้ก็จะตีเด็กด้วยอารมณ์รุนแรง เด็กมีพฤติกรรมเก็บกดและนิ่งเฉย การตอบคำถามไม่มองตา เราก็รู้แล้วว่า เด็กคนนี้ควรได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วน เราก็ต้องประสานงานกับนักจิตวิทยา ประเมินดูว่า เด็กคนนี้มีความเสี่ยงแค่ไหนต่อการเป็นโรคซึมเศร้า ประเมินปั๊บ เราก็ไปส่งหาหมอจิตแพทย์”
“ลงเยี่ยมบ้านบ้าง เพราะเราฟื้นฟูเด็กแล้ว เราจะส่งเด็กกลับไปที่บ้าน เราต้องฟื้นฟูพ่อแม่เขาด้วย ไม่ใช่เราส่งไป แล้วเด็กก็กลับไปเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นแต่ละวัน เราต้องวิเคราะห์ข้อมูลว่า เด็กแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง เจออะไรมา และควรแก้ไขอย่างไร แก้ไขเป็นคนๆ กัน เราจะไม่เอาปัญหาเด็กทั้งหมดมามัดรวมกันแล้วแก้ทีเดียว เราต้องแก้ปัญหาทีละคนๆ จนกว่าเด็กจะมีศักยภาพที่ดีขึ้น พอเราแก้ปัญหาได้ในช่วงหนึ่งปุ๊บ เราก็ต้องรู้แล้วว่า ในอนาคตเด็กต้องมีอาชีพอะไร เราต้องสังเกตว่าเด็กชอบอะไร เราเอาความชอบนั้นมาทำให้เป็นอาชีพของเด็กก็ได้ ให้เขาได้มีอาชีพที่อยู่ในสังคมได้ปกติสุข” พิชญ์ภูมิ สนิทชน เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ มูลนิธิฯ บ้านครูจา
นักจิตวิทยาเผย การจะเข้าถึงเด็กได้ ต้องใช้ใจและให้ความรัก
“หนูพยายามเข้าใจเขา เราต้องฟังเขาก่อน เพราะเด็กบางคนก้าวร้าวก็จริง แต่พอคุยลึกๆ เขาก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ เขาก็มีส่วนที่ดีของเขา ถึงเขาจะต่อยเพื่อน แต่ในบางเรื่อง เขาดีมากเลย หนูใช้ใจใช้ความรักเข้าแลกกับเขามากกว่า ต้องเข้าใจว่า เด็กพวกนี้เป็นเด็กที่ขาดที่พึ่งทางใจ หนูพยายามเป็นที่พึ่งทางใจให้เขาไว้ใจหนู ถ้าเขาไว้ใจหนูเมื่อไหร่ เขาจะร่วมมือกับหนูทุกอย่าง เขาจะฟัง เราก็พูดดีๆ กับเขา เห็นพัฒนาการของเขา เป็นเด็กดี เราก็ชื่นชมเขา” ปฏิญญา อินทสมบัติ นักจิตวิทยา มูลนิธิฯ บ้านครูจา
นอกจากมูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็กบ้านครูจาจะให้ความช่วยเหลือเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือเด็กที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงแล้ว ครูจายังยื่นมือช่วยเหลือผู้ยากไร้อีกด้วย เช่น ผู้ยากไร้ในชุมชนเทพประสิทธิ์ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่สมาชิกในชุมชนมีฐานะยากจนและย้ายจากที่อื่นมาพักพิงอยู่ที่นี่
“ถ้าเราไม่ช่วยเหลือ คนเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการไปกระทำความผิดต่างๆ เราช่วยในสิ่งที่เราช่วยได้ บางทีเราช่วยเรื่องเอกสารหลักฐานต่างๆ บางทีมาในพื้นที่ ไม่มีผู้คนรับรอง ก็ช่วยประสาน”
ทุกครั้งที่ครูจานำสิ่งของบริจาคที่มูลนิธิฯ ได้รับจากผู้ใจบุญ มาแบ่งปันช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชุมชนเทพประสิทธิ์ ครูจาไม่ลืมที่จะพาเด็กๆ ในความดูแล มาสัมผัสบรรยากาศการเป็น “ผู้ให้” ด้วย
“เราไม่ต้องการให้เด็กเป็นผู้รับอย่างเดียว เราต้องการปลูกฝังเด็ก เมื่อเป็นผู้รับ ต้องรู้จักเป็นผู้ให้ เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเด็กออกจากศูนย์ไปแล้ว ไปเติบโตที่ไหนก็ตาม ถ้ารู้จักเป็นผู้ให้ เขาจะสามารถช่วยเหลือบุคคลอื่นได้อีกเยอะ”
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนให้เด็กๆ ในความดูแลของมูลนิธิฯ บ้านครูจา มีชีวิตใหม่และอนาคตที่สดใส สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุขุมวิท นาเกลือ ชื่อบัญชี ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด โดยมูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็ก เลขที่บัญชี 006-1-23489-6
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos