รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวของ "อ.สมโภชน์" ผู้ที่ทิ้งอาชีพข้าราชการ เพื่อมาเป็น "เกษตรกร" เต็มตัว ผู้ที่มีที่ดิน 50 ไร่ในกรุงเทพฯ แต่ไม่ยอมขาย ทั้งที่มีคนขอซื้อในราคาสูงถึง 1,500 ล้านบาท จะมีใครสักกี่คนที่ปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลนี้
อาจารย์สมโภชน์ ทับเจริญ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมการเลี้ยงสุกรแห่งชาติ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน วัย 60 ปี ที่เกษียณอายุราชการก่อนกำหนดถึง 6 ปี เพื่อมายึดอาชีพเกษตรกร ดูแลที่ดิน 50 ไร่ ในซอยนวลจันทร์ 56 เขตบึงกุ่ม ที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด แม้เคยมีคนขอซื้อที่ดินผืนนี้ในราคาสูงถึง 1,500 ล้านบาท แต่อาจารย์ก็ไม่ขาย ...อะไรทำให้อาจารย์เห็นคุณค่าของที่ดินผืนนี้มากกว่าเงินจำนวนมหาศาลที่อาจทำให้อาจารย์สบายไปทั้งชีวิต?
เหตุที่ออกจากราชการ เพื่อมาเป็นเกษตรกร
“เพราะเรียนด้านการเกษตร เลยรักตรงนี้ เลยคิดมาตั้งแต่รับราชการแล้วว่า ถ้าเราออกมาเมื่อไหร่ จะกลับมาทำ และคงจะไม่อยู่ถึงเกษียณ เพราะถ้าอยู่ถึง 60 ร่างกายจะไหวเปล่าไม่รู้ที่จะเดินไปดูมัน สมองคุณจะมีแรงคิดเปล่าไม่รู้เมื่อถึงวันนั้น คิดว่า 55 คงลาออก แต่บังเอิญแม่เสียชีวิตก่อนปีหนึ่งก่อนที่เราจะลาออก ผมเลยถือโอกาสนั้นลาออกมาดูแลพ่อด้วย เพราะไม่เคยดูแลพ่อแม่ รับราชการ เลยเป็นสิ่งที่ผมต้องกลับมาและมาสานฝัน ทำในสิ่งที่เราคิดให้มันสำเร็จ”
“เขาคงคิดว่า ทำงานก็ไม่มีเวลาให้ครอบครัว และแม่ก็เสียชีวิตโดยที่ตัวเองไม่มีเวลาได้ดูใจก่อนแม่เสีย เขาก็มานั่งคำนวณก่อนลาออกว่า ถ้ารับราชการอยู่ ได้เงินเท่าไหร่ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ถ้าออกมาจะอยู่อย่างไร มาคำนวณดู สิ่งที่พ่อทำไว้ให้ เหลือไว้ให้ มีมูลค่ามาก ควรจะเสียสละ และมาดูแลพ่อมากกว่า” สุภารัตน์ ทับเจริญ ภรรยา อ.สมโภชน์ ย้อนภาพก่อนสามีตัดสินใจออกจากราชการ
ด้วยความที่ อ.สมโภชน์เป็นนักวิชาการด้านสัตวบาล และแม้จะเคยนำพืชไปทำวิจัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าอาจารย์จะรู้หรือเก่งทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรหรือปลูกพืชผัก ทุกอย่างต้องเรียนรู้ใหม่หมด
“ผมไม่เคยปลูกผักสลัด ผมไม่เคยปลูกเมล่อน ไม่เคยปลูกมะเขือเทศราชินี พวกนี้คือสิ่งใหม่สำหรับผมหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่ใช่ผมเรียนเกษตรแล้วผมจะรู้หมดทุกอย่าง พวกนี้ผมไม่เคยทำมาเลยทั้งชีวิต เมื่อมาปลูกผักรุ่นแรกเสร็จ มันมาก จิ้งหรีดกินหมด ไม่เข้าใจว่ามันต้องทำอย่างไร ปลูกครั้งที่สอง เขาได้กันต้นละครึ่งกิโล ผมได้แค่ขีดเดียว ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า ในแต่ละระยะจะให้ปุ๋ยอย่างไร ต้องเป็นแปลงชนิดไหน ต้องยกขึ้นอย่างไร ต้องกันความร้อนอย่างไร ซึ่งผมต้องเรียนรู้กับมัน และหาทางแก้ไขเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่เกิดขึ้น”
การทำการเกษตรไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าคิดว่าโลกสวยเหมือนในยูทูบ ที่พูดถึงแต่ความสำเร็จ
“คนที่มาหาผม ผมไม่ได้บอกว่าผมทำสำเร็จอย่างไร แต่ผมเล่าความล้มเหลวให้เขาฟัง ว่าผมล้มเหลวมาอย่างไร และผมแก้ไขอย่างไร เพื่อให้คนที่ไปทำและทำไม่เหมือนเรา เพราะต้องไปปรับ เกิดไอเดียเกิดความคิดออกมาว่า ถ้าเป็นตัวเขาเอง ถ้าเขาเจอปัญหาแบบนี้ เขาจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะฉะนั้นหลายๆ ยูทูบ หลายคนที่ออกไปกับงาน มักพูดเสมอว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นตรงนี้จากตัวเองเป็นอย่างไร แต่เขาไม่ได้บอกว่า แต่ละครั้งที่เขาสำเร็จมาเนี่ย เขาฉิบหายมากี่หน และการที่เขาสูญเสียหรือล้มเหลวมา เกิดขึ้นด้วยเรื่องอะไรบ้าง ทำให้คนที่มองเห็นแล้ว โลกสวย ทุกอย่างเป็นดอกกุหลาบเสมอไป ทุกอย่างเกษตรเป็นเรื่องง่ายที่คุณคิด มันไม่ใช่เลยนะ เพราะฉะนั้นแล้ว เราอยู่กับมัน เรารู้ปัญหากับมัน เราแก้ไขปัญหากับมัน เมื่อเราทำได้เมื่อไหร่ วันนี้เราอาจทำไม่ได้ พรุ่งนี้อาจทำไม่ได้ เราก็เริ่มปลูกมันใหม่ ให้ปัญหามันเกิดขึ้น แล้วเราก็มีเวลาที่จะแก้ปัญหามันได้”
แม้สิ่งที่ลงแรงไป จะได้เป็นผลผลิตกลับมา แต่ อ.สมโภชน์มองว่า ถ้าจะให้อยู่ได้ ต้องใช้การท่องเที่ยวนำการเกษตร ขณะเดียวกันก็ทำการเกตรที่ปลอดภัย ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือฆ่าหญ้า เพื่อให้คนที่มาเยือนได้บริโภคอาหารพืชผักที่ปลอดภัยต่อสุขภาพจริงๆ
“เกษตรอย่างเรา อยู่ด้วยผลผลิตทางเกษตรอย่างเดียว บางทีอยู่ไม่ได้ เลยอยากให้เกษตรกรทุกคนคิดว่า เกษตรอย่างเราจะอยู่ได้ จะเป็นปัจจุบันได้ เมื่อเราเอาการท่องเที่ยวนำการเกษตร เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นที่มาของคนและเงิน ส่วนการเกษตรที่ปลอดภัยจะเป็นเรื่องที่เราซัพพอร์ตให้คนที่มาหาเราได้ใช้ประโยชน์ ...ปีหน้าผมจะสร้างเป็นฟาร์มเสตย์ที่นี่ ให้คนเข้ามากินบรรยากาศ ให้คนเข้ามาพักผ่อน วันนั้นเองกำไรที่เกิดขึ้นบนผืนดินผืนนี้เอง มันไม่ได้เป็นของผมเองแล้ว มันเป็นของคนที่เข้ามาสัมผัสกับเราด้วย ...มาท่องเที่ยวมาศึกษา มากินบรรยากาศของความเป็นบ้านนอกในกรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตแบบปลอดโปร่ง โดยที่คุณไม่ต้องกลับไปคิดต่างๆ อีก มากินของที่ปลอดภัยหรืออยากฝึกงานสัมผัสกับผม ปลูกผักกับผม พาลูกมารีแล็กซ์ให้รู้จักการเกษตร แทนที่ลูกจะเล่นเกมอยู่ที่บ้าน คุณก็มาที่นี่ได้ ได้ประโยชน์” อ.สมโภชน์พูดถึงไร่นาสวนผสม 50 ไร่ของตนที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย โดยใช้ชื่อว่า @บางขวด
ตั้งตลาดเพื่อจำหน่ายผลผลิตเอง ตัดปัญหาพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ
“การที่เราทำการเกษตรขึ้นมา แล้วไม่มีร้านค้าเป็นของตัวเอง เราก็จะต้องขายสินค้าที่เราทำไปที่ตลาด ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางก่อนถึงปากคนกิน เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นอนที่สุด เขาต้องเอารัดเอาเปรียบคุณ คุณต้องทำงานเหนื่อยมากเพื่อเลี้ยงเขาอีกตั้งหลายคน ผมเลยตั้งท่ามาทำเป็นตลาดหรือ Outlet สร้างเป็นร้านค้าอยู่ฝั่งโน้น ไม่ได้เป็นร้านค้าเพื่อขายผักผลไม้อย่างเดียว แต่ร้านค้าผมเป็นร้านอาหาร แล้วนำผลผลิตจากฟาร์มด้านนี้เองไปประกอบอาหารขายด้านโน้น เพื่อให้สินค้าของเราอยู่ในลักษณะของ ฝรั่งเขาเรียก from Farm to table จากไร่นาของคุณสู่โต๊ะอาหารผู้บริโภค วันนั้นเอง คนที่เขาเข้ามาสัมผัสเรา นอกจากจะมาเดินดูผักที่เราปลูกแล้ว ว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน คุณได้ชิมรสชาติอาหารที่เกิดขึ้น โดยนำผักพวกนี้ไปกิน คุณติดใจคุณอาจแวะเวียนเข้ามาซื้อผักของเราไปในทุกๆ วันที่คุณคิดถึงมัน นั่นเป็นทางออกหนึ่งที่คุณสามารถทำการเกษตรโดยไม่จำเป็นต้องไปเลี้ยงคนอีกจำนวนมากหรือผ่านพ่อค้าคนกลางแต่อย่างใด”
ทำไมไม่ยอมขายที่ผืนนี้ ทั้งที่มีคนเสนอซื้อตั้ง 1,500 ล้าน!
“เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร เราไม่ได้ต้องการเงินมากมายมหาศาล เราไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ถ้าเราขายที่ดินผืนนี้ไปแล้ว เขาเอาไปสร้างหมู่บ้าน คอนโดฯ แล้วใครล่ะจะมาใช้ประโยชน์ผืนดินผืนนี้อีก นอกจากนายทุนที่ซื้อเราไป คนที่อยากจะเข้ามาสูดอากาศตรงนี้ ได้รับออกซิเจนสักวันละครั้ง คุณก็ไม่ได้มันอีกแล้ว เพราะกลายเป็นตึกไปหมด เราไม่ได้อยากได้เงินตรงนั้นมาทำอะไร ...ผมก็บอกเขาว่า ผมไม่ขายหรอก ...คุณดูว่า ที่ดินที่อยู่ในกรุงเทพฯ ที่ปู่ย่าตายายซื้อไว้ไร่ละไม่กี่บาท ส่งมาถึงเรา ณ วันนี้เอง ซึ่งปู่ย่าตายายก็ไม่รู้ว่าวันนี้ราคาจะสูงอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็ยังมีโอกาสที่จะรั้งพื้นดินผืนนี้ไว้ได้นานเท่าไหร่ เขาเรียกว่า ถ้าเกิดคุณเอาเงินไปฝากธนาคาร ต้นทุนที่ออกเป็นดอกเบี้ย แต่ผืนดินผืนนี้มันขึ้นทุกนาทีนะ ปีนี้สมมุติราคา 10 ล้าน ปีหน้าอาจ 11 ล้าน ปีต่อไปอาจจะ 15 ล้าน ตามความเจริญที่เกิดขึ้น ตรงนั้นไม่ได้ออกดอกเป็นดอกเบี้ย แต่ดอกอยู่ในดินตลอดเวลาที่บานให้เรา และบานมากกว่าสิ่งที่คุณไปฝากในธนาคารอีก คุณจะขายที่ดินผืนนี้เพื่อเอาเงินไปฝากธนาคาร ให้ธนาคารเก็บดอกเบี้ยคุณไปอีก หรือคุณจะให้มันเกิดดอกดินอยู่ตรงนี้ แล้วมันงามขึ้นทุกวันตามความเจริญที่เข้ามา” อ.สมโภชน์ยืนยันดอกผลที่ได้จากดิน มากกว่าดอกเบี้ยที่ได้จากธนาคาร
“เราอยู่โดยไม่ได้ใช้เงิน เพราะฉะนั้นเงินก็ไม่ได้มีความสำคัญกับเรามาก พูดจริงๆ นะ ถ้าเราไม่ได้ใช้เงิน เงินไม่ได้มีความสำคัญเลยนะ ความสุขต่างหากที่สำคัญกับเรา ถ้าเราขายที่ไป แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ชีวิตเราต้องเปลี่ยนไปนะ เราต้องปรับตัวเอง แล้วเราจะมีความสุขจริงเหรอ พ่อซึ่งเป็นเจ้าของที่ จะมีความสุขไหม เราก็เปลี่ยนรูปแบบชีวิตใหม่ เปลี่ยนเป็นคนอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่คนที่อยู่กับธรรมชาติแล้ว เป็นคนที่อยู่กับเมือง ใช้ชีวิตแบบนั้นก็คือต้องใช้เงินทุกวัน แต่อยู่อย่างนี้ เราไม่ต้องใช้เงิน เราก็อยู่ได้” สุภารัตน์ ทับเจริญ ภรรยา อ.สมโภชน์เชื่อความสุขสำคัญกว่าเงิน
อ.สมโภชน์ยังฝากถึงใครก็ตามที่อยากทำการเกษตรหรืออยากเป็นเกษตรกร ต้องประเมินความพร้อมของตนเองด้วย
“เกษตรเองไม่ใช่เรื่องง่าย อันแรกเลย คุณต้องมีทุนไปทำกับมัน ถ้าไม่มีทุนก็อย่าทำเลย บางคนมีบำเหน็จบำนาญจากการออกจากราชการหรืองานประจำที่คุณเคยทำมาตลอดชีวิต แล้วคุณก็คิดจากการดูยูทูบวาดความฝันอันสูงสุดว่า คุณจะออกไปมีชีวิตเป็นเกษตรกรที่มีความสุข มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดนะ อย่างอื่นคุณจะไปเป็นก็ได้ แต่วันนี้สิ่งที่คุณลงทุนมันไปเบียดบังเงินกับชีวิตประจำวันคุณไหม ถ้ามันเบียดบังเงินกับชีวิตประจำวันคุณ คุณก็ไม่ต้องไปทำมัน อันที่สอง ร่างกายคุณมันมีพละกำลังมากพอไหม ที่จะออกไปทำมัน ถ้าเกิดคุณเจ็บไข้ได้ป่วยตลอดเวลา ต้องไปหาหมออยู่เป็นประจำ คุณคงจะมาตากแดดเดินดูไม่ได้ แต่ถ้าคุณทำโดยที่ไปคุมงาน และเดินไปดูคนที่จ้างมาทำไหวอยู่ คุณก็ทำเถอะ แต่ถ้าร่างกายจะไม่ไหวแล้ว ก็เปลี่ยนความคิดเถอะ เอาร่างกายของเราไว้ก่อนดีกว่า ความรู้ความเข้าใจด้านการเกษตรของคุณมีมากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณยังมีความเข้าใจไม่มากพอ คุณก็ต้องศึกษามันตลอดเวลา เพื่อการเรียนรู้และการแก้ไขปัญหา”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos